Leadership Development Program

Leader Skill

บริการพัฒนาและออกแบบพัฒนาการด้าน ภาวะผู้นำ เพื่อให้ได้ผู้นำองค์กรในแต่ละด้าน ในโลกของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว พนักงานทุกคน, หัวหน้างาน , ผู้บริหาร จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ฝึกฝน พัฒนาตนเอง เพื่อนำพาตนเอง นำพาทีม นำพาองค์กร ให้เดินไปสู่เป้าหมายที่ท้าทาย และ สำเร็จได้อย่างลุล่วง

เราจึงรับอาสาเป็น “พี่เลี้ยง” เพื่อให้ได้ผู้นำแบบมืออาชีพ ในแต่ละด้านในทุกมิติ เพื่อปลุกสร้างนิสัยความสำเร็จในการเป็นหัวหน้างานที่ดีของลูกน้อง มีความเป็นมืออาชีพ ในการทำงาน นำพาองค์กรได้เสริมสร้างทัศนคติแนวคิดแบบคนทำงานมืออาชีพ มีทักษะในการบริหารงาน บริหารคน แก้ปัญหาการทำงานอย่างเป็นระบบ สามารถสร้างผลงานที่สะท้อนคุณค่า และ สร้างระบบงาน พัฒนาคน ได้อย่างยั่งยืน

หลักการและเหตุผล

1 ในปัญหาอันดับต้น ขององค์กร คือ ปัญหาด้านการบริหารงานบุคคล หลายองค์กรมักพบประเด็นการดูแลพนักงานใหม่ และ การสอนงาน ในหลายองค์กรไม่เคยมีระบบพี่เลี้ยง (Mentoring) และ ในหลายองค์กรมีระบบพี่เลี้ยง แต่ ไม่ประสบผลสำเร็จในระบบนั้น 

ดังนั้น ระบบพี่เลี้ยง (Mentorion) จึงเป็นแนวทางการพัฒนาบุคลากรอีกวิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิผลสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานของทีมงาน โดยผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะมีบทบาทของการเป็นพี่เลี้ยง เพื่อคอยสอนงาน และแนะนำแนวทางการปฏิบัติงานให้บุคลากรในทีมงานให้สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนั้นแล้วยังทำให้เกิดผลการปฏิบัติงานที่ดีขึ้นแล้ว ทำให้ลดการลาออกของพนักงาน และกระตุ้นให้เกิดการทำงานแบบทีมเวิร์คมากขึ้นด้วย อันจะส่งผลให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายได้ หลักสูตรเทคนิคการเป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ จึงเป็นหลักสูตรสำคัญในการเสริมสร้างให้ผู้ที่ต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงพนักงาน”  ตระหนักถึงคุณค่าของการเป็นผู้สอนงานด้วยความภาคภูมิใจ เต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่พี่เลี้ยงสอนงาน ถ่ายทอดงาน และแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตในที่ทำงาน”   และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้สอนงานมืออาชีพได้ อันจะเป็นการสร้างพื้นฐานของระบบการพัฒนาบุคลากรที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่องค์กรต่อไป

วัตถุประสงค์

  1. พี่เลี้ยง”  ที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้สอนงาน ถ่ายทอดงาน และแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตในที่ทำงานให้กับพนักงานใหม่สามารถปรับตัวได้
  2. เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีทัศนคติที่ดีต่อการเป็นพี่เลี้ยง สร้างความภาคภูมิใจ และความเต็มใจในการปฏิบัติหน้าที่พี่เลี้ยง” 
  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้และฝึกทักษะการเป็นพี่เลี้ยง เพื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศสันติสุขในการทำงานให้เกิดขึ้น
  4. เพื่อให้ผู้ที่รับบทพี่เลี้ยงมีแนวคิด สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างผลการปฏิบัติงาน และ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเกิดขึ้นแบบยั่งยืน

ระยะเวลา : 1วัน

* และ กรณีต้องการสร้างระบบพี่เลี้ยงแบบเข้มข้นเรามีโปรแกรมที่ปรึกษาวางระบบ

กลุ่มเป้าหมาย : หัวหน้างาน / ผู้จัดการ / พนักงานที่เป็นพี่เลี้ยง
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม :  20  ท่าน+++

กลยุทธ์ในการฝึกอบรม :    

  1. กิจกรรมการเรียนรู้ , บรรยาย 
  2. แบบฝึกหัด และ WORK SHOP Role Play
  3. Powerpoint
  4. อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

หัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และการเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ความสำคัญของการเป็นพี่เลี้ยง

  • หลุมพรางทางความคิดที่มีต่อ “พี่เลี้ยง”
  • กระบวนการ ก้าวข้ามหลุมพรางทางความคิด
  • คุณค่าของพี่เลี้ยงในองค์กร บทบาท และ หน้าที่

ส่วนที่ 2 : ประโยชน์ของระบบ “พี่เลี้ยง” ในองค์กร

  • การดูแลพนักงานใหม่และเก่า แบบ มีพี่เลี้ยงและไม่มี
  • เทคนิคการจัดการระบบพี่เลี้ยง
  • ปัญหาทุกเรื่อง “พี่เลี้ยง” ช่วยได้

ส่วนที่ 3 : Mentoring Competency

  • คุณสมบัติที่ดีของพี่เลี้ยงมืออาชีพ
  • ประสบการณ์ ขององค์กร สร้างพี่เลี้ยงมืออาชีพได้
  • การสะท้อนกระบวนการผ่านเรื่องเล่า

ส่วนที่ 4 : Tool set Mentoring 

  • เรียนรู้เครื่องมือ ของพี่เลี้ยงมืออาชีพที่จำเป็นต้องรู้
  • เทคนิคการเป็นพี่เลี้ยงในองค์กรให้ประสบความสำเร็จ
  • แนวทาง แผนการเป็นพี่เลี้ยงในองค์กร อย่างเหมาะสม

กิจกรรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม

WORKSHOP ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 : Expectation

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการทำกิจกรรม
  • ผู้เข้าอบรมร่วมกิจกรรมและนำเสนอความเข้าใจเรื่อง ทัศนคติ / ความคิด / ความเชื่อ
  • ทำความเข้าใจเรื่อง ทำไมต้องมีพี่เลี้ยง
  • ได้แนวทางในการนำไปใช้ในการทำงาน

Workshop 2 : สร้างพื้นที่การเปลี่ยน “พี่เลี้ยงมืออาชีพ”

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการดำเนินการ
  • ผู้เข้าอบรมเรียนรู้บทบาท,หน้าที่ของ พี่เลี้ยง
  • ทักษะในการเป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ

Workshop 3: เขาวานให้หนูเป็นพีเลี้ยง

วิทยากรอธิบายแนวทางการ เป็นพี่เลี้ยง

  • ผู้เข้าอบรมฝึกวิเคราะห์ตนเอง ว่า เป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ & มีอาชีพเป็นพี่เลี้ยง
  • ผู้เข้าอบรมได้แนวทางในการเป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ

Workshop 4: อาวุธ(ไม่)ลับ ของ “พี่เลี้ยง”

  • วิทยากรอธิบายเครื่องมือต่าง ๆ ในการเป็น “พี่เลี้ยง”
  • ผู้เข้าอบรมฝึกฝนการใช้เครื่องมือ 
  • ผู้เรียนได้แนวทางเพิ่มเติมในการเป็นพี่เลี้ยงที่ดีพร้อมนำไปใช้ได้จริง
  • จบการสัมมนา ถาม&ตอบ

 

หลักการและเหตุผล

สำหรับหัวหน้างานหรือผู้จัดการยุคใหม่ ในแต่ละวันนั้น ล้วนมีเรื่องราวเข้ามาให้ต้องรับรู้ ต้องคิด ต้องตัดสินใจ ต้องบริหารจัดการ ทั้งงานประจำที่ต้องปฏิบัติ ทั้งงานที่เป็นงานพิเศษ รวมถึงปัญหางานที่ต้องดำเนินการแก้ไขให้หมดสิ้นไป

ดังนั้น ทักษะหรือศิลปะในการบริหารงาน การบริหารคน การสั่งงาน การมอบหมายงาน และการติดตามงาน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับหัวหน้างาน เพราะทักษะในการมอบหมายงานและการติดตามงานที่ดีนั้นก็จะส่งผลให้งานสำเร็จได้ลุล่วงตามเป้าหมายได้อย่างไม่มีปัญหา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หัวหน้างานหรือผู้จัดการยุคใหม่ต้องเรียนรู้ สนใจ และฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดเป็นทักษะที่ดีต่อไป

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะที่ดีของหัวหน้างานยุคใหม่
  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีทักษะในการบริหารลูกน้องที่มีความแตกต่างกัน
  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีทักษะในการวางแผนงานและการมอบหมายงานอย่างชาญฉลาด
  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมรู้เทคนิค เครื่องมือ และวิธีการต่าง ในการมอบหมายงาน การสั่งงาน และ การติดตามงาน

หัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และการเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ความสำคัญของการบริหารจัดการ

  • ทำไมต้องจัดการ ทำไมต้องบริหาร
  • คุณสมบัติของนักบริหารจัดการที่ดี

ส่วนที่ 2: การวิเคราะห์ประเภทของคนและความต้องการของคน

  • การ Scan คน
  • การบริหารคน ด้วยการจำแนกตามสัตว์ 4 ทิศ
  • การบริหารคน ด้วยการจำแนกตามบัว 4 เหล่า
  •       การบริหารคน ตามแบบผู้นำตามสถานการณ์ และหลักการนำไปใช้
  • การวิเคราะห์ความต้องการของคน (เทคนิคจิตวิทยาการบริหารคน)

ส่วนที่ 3: ศิลปะการบังคับบัญชา การสั่งงาน การมอบหมายงาน และการติดตามงาน

  • กระบวนการมอบหมายงาน สั่งงาน และการติดตามงาน
  • เทคนิคในการสื่อสารและการสื่อความที่ดี
  • เทคนิคในการสั่งงาน มอบหมายงาน และการติดตามงานที่ดี
  • เทคนิค การฟีดแบค ด้วยเทคนิค 4S เพื่อให้การทำงานดีขึ้น
  • การมอบหมายงานสำคัญและการทวนสอบความเข้าใจ
  • การทวนสอบความคืบหน้าของงาน
  • การส่งเสริมให้ลูกน้องมีทักษะในการรายงาน ประสานงาน และการปรึกษาหารือที่ดี

กลุ่มเป้าหมาย

  1. ผู้จัดการ
  2. หัวหน้างาน

รูปแบบการฝึกอบรม

  • ระยะเวลารวมวัน (6 ชั่วโมง)
  • บรรยาย และกิจกรรม Workshops Role Play
  • อภิปรายแลกเปลี่ยน

หลักการและเหตุผล

หากคุณกำลังเผชิญปัญหา การสอนหน้างานที่วัดผลลัพธ์ของความสำเร็จไม่ได้ ไม่รู้สอนอะไร และไม่รู้จะสอนอย่างไร หลักสูตรนี้คือทางออกสำหรับคุณ
หลายครั้งที่การสอนไม่สามารถบอกได้ว่า ผู้เรียนเรียนแล้วได้อะไร เรียนเพื่ออะไร และผลลัพธ์ของการเรียนรู้นั้นเป็นอย่างไร สาเหตุมาจากการไม่ได้ตั้งเป้าหมายของการสอนหน้างานที่ชัดเจน ทำให้การสอนขาดประเด็นหลัก หรือเนื้อหาสำคัญที่ผู้เรียนจะพลาดไม่ได้ และไม่สามารถกำหนดตัวชี้วัดผลการเรียนรู้ได้จริง เพราะเรียนทุกอย่างแต่จับทิศทางและหลักการสำคัญไม่ได้

หลักสูตรนี้จึงมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะการวิเคราะห์ความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมในการทำงานที่ผู้เรียนพึงมี พัฒนาทักษะการสอนหน้างานด้วย 4 ขั้นตอนของการทำ Job Instruction พร้อมฝึกเขียนแผน OJT ตั้งแต่ในห้องเรียน เพื่อให้ทุกการเรียนรู้มีผลลัพธ์ และทุกผลลัพธ์สามารถกำหนดตัวชี้วัดได้จริง

วัตถุประสงค์ :  

  1. เพื่อให้พนักงานสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มีพลังในการทำงาน
  2. มีแรงบันดาลใจในการพัฒนางานของตน  กล้าตั้งเป้าหมายและมุ่งมั่นที่จะทำเป้าหมายให้บรรลุ และมีความรู้ที่ถูกต้องในการสอนงานและการมอบหมายงาน
  3. สร้างจิตสำนึกในการทำงานร่วมกัน และการเป็นผู้นำที่สามารถจัดการตนเองได้และเสริมสร้างทัศนคติด้านบวกในการทำงานและการใช้ชีวิต
  4. เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการทำงานในการทำงานร่วมกันให้ดีขึ้น
  5. เพื่อสร้างบรรยากาศสันติสุข ความรื่นรมย์ ในการทำงาน
  • ระยะเวลา : 1 วัน 

กลุ่มเป้าหมาย : พนักงานทุกระดับ / หัวหน้างาน และผู้บริหารระดับสูง
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม :  20-25 ท่าน

กลยุทธ์ในการฝึกอบรม :    

  1. เกมส์การเรียนรู้ /กิจกรรม
  2. การนำเสนอด้วยภาพยนตร์และเกมส์
  3. แบบฝึกหัด และ WORK SHOP
  4. Powerpoint
  5. อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

เนื้อหา

  1. การเรียนรู้ความหมายของการสอนงานและความจำเป็นในการสอนงาน
  2. การมองเห็นคุณค่าของผู้อื่นและเห็นประโยชน์ของการทำงานร่วมกันในการสอนงาน
  3. การเรียนรู้แบบต่างๆอละแนวทางในการพัฒนาการการเรียนรู้ในการสอนงาน
  4. ศิลปการสื่อสารในการสอนงาน
  5. การสร้างพื้นที่ในการพัฒนาศักยภาพการทำงานในองค์กรได้อย่างมืออาชีพ
  6. การรู้จักตั้งเป้าหมายให้ตนเองเป็น และเรียนรู้ การจัดทำแผนการสอนงานและจัดระบบการสอนงาน ออกแบหลักสูตร และกำหนดเนื้อหาได้
  7. กระบวนการสอนงาน OJT ก่อนการดำเนินการสอน ระหว่าง และหลังการสอน

รูปแบบ และวิธีการนำเสนอ

  1. บรรยาย 
  2. กรณีศึกษา พร้อมภาคปฏิบัติ Role Play 
  3. การวิเคราะห์แบบกลุ่ม / วิเคราะห์แบบเดี่ยว

เนื้อหาหัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และ การเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ผู้สอนงานที่ดี

  • ความสำคัญของการสอนงาน
  • คุณสมบัติของผู้สอนงานที่ดี
  • แนวทางการสอนงาน

ส่วนที่ 2: Process  4  ด้านของการสอนงาน

  • หลุมพรางของการสอนงาน
  • การทำ Job Instruction 
  • วิธีการสื่อสาร และ พฤติกรรม ที่ทำให้การสอนงานดีขึ้น

ส่วนที่ 3: การติดตามผลการสอนงาน Follow Up

  • ทำไมต้องติดตามผล
  • วิธีการติดตามผล

ส่วนที่ 4: เทคนิคการเขียน OJT

  • การเตรียมแผนการสอนงาน
  • เทคนิคการเขียน OJT
  • ฝึกปฏิบัติตามโจทย์อย่างเข้มข้น

กิจกรรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม

WORKSHOP ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 : วิเคราะห์กระบวนการสอนงาน

  • คุณสมบัติของผู้สอนงานที่ดี
  • องค์ประกอบของการสอนหน้างาน JI-JM-JR
  • การวิเคราะห์ KUSA เพื่อการสอนงาน
  • ได้แนวทางในการนำไปใช้เชื่อมโยงในการทำงาน

Workshop 2 : 4 Process to Job Instruction

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการดำเนินการ
  • ผู้เข้าอบรมวิเคราะห์พร้อมทำบททดสอบ
  • เรียนรู้แนวทางการทำ Prepare / Present / Try Out / Follow Up
  • ได้วิธีการสอนงานไปเชื่อมโยงในการทำงานอย่างยั่งยืน

Workshop 3: Follow Up to Success  

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการ Follow Up
  • ผู้เข้าอบรมฝึกFollow Up ตาม ขั้นตอน
  • หลุมพรางของการ Follow Up ที่ทำแล้วไม่ได้ผล
  • ได้แนวทาง Follow Up ไปรับใช้ในการทำงาน

Workshop 4  : Process to Creative OJT

  • เรียนรู้วิธีเตรียมแผนการสอนงานอย่างเป็นขั้นตอน
  • ผู้เข้าอบรมทำกิจกรรมเตรียมแผนการสอน
  • ผู้เข้าอบรมฝึกอบรมปฏิบัติแบบเข้มข้น
  • ผู้เรียนได้แนวทางในการนำไปใช้เชื่อมโยงในการทำงาน

วิทยากรอธิบายสรุปการเรียนรู้

  • กระตุ้นให้ผู้เข้าอบรมช่วยกันนำเสนอคุณสมบัติที่ดีของหัวหน้างานเชื่อมโยง กับคุณสมบัติที่มีในตัวเอง และ เพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายไปพร้อมแนวทางในการปฏิบัติ
  • ผู้เรียนได้แนวทางเพิ่มเติมในการเป็นหัวหน้าที่ดี

        -ถาม-ตอบ จบการสัมมนา

 

หลักการและเหตุผล :

การที่องค์กรต่างๆ ได้นำเอาระบบการบริหารจัดการสมัยใหม่เข้ามาใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการบริหารผลงาน (Performance Management System) นั้น ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายองค์กร การกระจายเป้าหมายองค์กรสู่หน่วยงาน การกระจายเป้าหมายไปสู่พนักงานแต่ละตำแหน่งงาน และการเชื่อมโยงถึงระบบการประเมินผลงานประจำปีของพนักงาน ถือเป็นสิ่งที่ดีและมีความสำคัญต่อการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

แต่ถ้าองค์กรต้องการจะให้ระบบการบริหารผลงานประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่บุคลากรในระดับหัวหน้างาน ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะในการออกแบบระบบการประเมินผล การรายงานผล และเทคนิคในการ Feedback ผลการประเมินอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่กันไปด้วย

หลักสูตรนี้จึงนำเทคนิค เคล็ด(ไม่)ลับต่าง ๆ มาเสริมสร้างให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถยกระดับความสัมพันธ์ของหัวหน้างานและพนักงานให้มีมากยิ่งขึ้นด้วย

วัตถุประสงค์ :

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับระบบการประเมินผล
  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถกำหนดเป้าหมายการทำงานได้ตรงตามเป้าหมายขององค์กร
  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถออกแบบหัวข้อและระบบการประเมินผลงานที่ดีได้
  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีทักษะในการ Coaching & Give Feedback อย่างสร้างสรรค์
  5. สามารถนำไปใช้งานได้จริง

กลุ่มเป้าหมาย :

  • หัวหน้างาน / ผู้จัดการ / ผู้บริหาร

หัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และการเรียนรู้ :

ส่วนที่ 1: ความสำคัญของระบบ Performance Management System

  • เป้าหมายในการทำงานสัมพันธ์กับเป้าหมายทางธุรกิจขององค์กรอย่างไร
  • การกำหนดเป้าหมายด้วย PQCDSS

ส่วนที่ 2: การประเมินผลการปฏิบัติงาน

  • ระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน
  • การประเมินผลงานจากเป้าหมายองค์กร
  • การประเมินผลงานจากเป้าหมายหน่วยงาน
  • การประเมินผลงานจากเป้าหมายประจำตำแหน่ง (Job KPI)
  • การประเมินผลงานจากความสามารถ (Competency)
  • การกำหนดเกณฑ์และแบบฟอร์มในการประเมินผลการปฏิบัติงาน
  • การ Feedback ผลการประเมินในเชิงบวกหรือเชิงสร้างสรรค์
  • การวิเคราะห์ความแตกต่างของคน (สัตว์ 4 ทิศ) เพื่อประสิทธิภาพในการ Feedback ที่ดียิ่งขึ้น
  • การดำเนินการหลังการประเมินผล

 

จุดเด่นของหลักสูตร :

  1. เรียนรู้จากการปฏิบัติเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการเรียนรู้และความสนใจของผู้เรียน
  2. ใช้กรณีศึกษาจริงขององค์กรเพื่อประโยชน์ในการประยุกต์ใช้หลังการฝึกอบรม
  3. เชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตจริงของผู้เรียน เพื่อง่ายต่อการเข้าใจและการจดจำ
  4. ใช้การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมกลุ่มเพื่อเสริมสร้างสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
  5. เน้นทั้งวิธีคิด หลักคิด และเครื่องมือสำหรับการประยุกต์ใช้ (Tools) เพื่อความยั่งยืน

กิจกรรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม :

WORKSHOP ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 : การออกแบบระบบการประเมินผลงาน

  • ทักษะในการออกแบบใบประเมินผลการปฏิบัติงานที่เหมาะสมกับพนักงานแต่ละระดับ

Workshop 2 : ความแตกต่างของ “คน”ในองค์กร

  • เข้าใจคน เข้าใจความแตกต่างธรรมชาติ ของคนทำงานในองค์กร
  • เทคนิคการ Feedback ได้ตรงจริตคนที่ทำงานกับเรา
  • เทคนิคการบดปัญหาหรือข้อบาดหมางทางใจ ก่อนการ Feedblack
  • เทคนิคเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง

Workshop 3 : การ Feedback ด้วยเทคนิค 4 S

  • Process to Success Feedback 4 S
  • ทักษะการ Feedback ในสถานการณ์จริง
  • แนวทางการ Feedback แบบยั่งยืน

จบการสัมนาQ & A 

เป็นหลักสูตรที่การรันตีการนำ DNA ขององค์กรมาใช้ได้จริง 100%

วัตถุประสงค์:

  • เพื่อให้พนักงานในระดับหน้างาน หรือ ผู้จัดการขึ้นไปเข้าใจในะดับการสื่อสารอย่างถูกต้องและเหมาะสม พร้อม ผลักดันทีมงานสู่เป้าหมายหลักขององค์กรได้
  • เพื่อสร้าง DNA ที่ดีที่เหมาะสมตามที่องค์กรคาดหวัง ติดตัวในตนเองเพื่อเป็นแบบอย่างต่อผู่ร่วมงานต่อไป เพื่อให้ทำให้ตัวเองและทีมงานเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล อย่างเต็มความสามารถ
  • เพื่อเรียนรู้วิธีการและแนวคิดในการสร้างแรงผลักดันในตัวเองและทีม ผ่าน DNA องค์กร ให้ทีมงานเห็นเป้าหมายเดียวกัน และร่วมกันลงมือทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
  • เพื่อให้พนักงานระดับหน้างาน หรือผู้จัดการขึ้นไป เรียนรู้แนวทางในการดึงศักยภาพพนักงานในตนเองและทีมออกมา
  • เพื่อให้หัวหน้างาน และ ผู้บริหาร ได้เรียนรู้ทักษะ วิธีการ กระบวนการ ในการสร้าง DNA แบบยั่งยืนในองค์กรให้ตนเองและคนรอบข้าง

กลุ่มเป้าหมาย : พนักงานระดับหัวหน้างาน และ ผู้บริหารระดับสูง
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม :20 ท่าน 

กลยุทธ์ในการฝึกอบรม :    

  1. กิจกรรมการเรียนรู้เชิงพฤติกรรมผ่าน DNA องค์กร
  2. Dialogue 
  3. แบบฝึกหัด และ WORK SHOP Action Learning  Role play 
  4. Powerpoint
  5. อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น (Reflection)

หัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และการเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ความสำคัญของการสร้าง DNA องค์กร ( วัฒนธรรมองค์กร)

ทำไมต้องสร้าง DNA ของคนในองค์กร

  • กระบวนการ สร้างวัฒนธรรมองค์กร ด้วยการ ทำงานเป็นทีม สำคัญอย่างไร

ส่วนที่ 2 : กฎเหล็กสำคัญในการสร้าง DNA องค์กร

  • เทคนิคสร้าง DNA ของคนในองค์กรด้วย กฎ 2 ข้อ
  • Process to Success ในการสร้าง DNA องค์กร

ส่วนที่ 3 : กระบวนการสร้าง DNA ด้วย Action Learning 

  • เทคนิคสร้าง DNA ด้วยกระบวนการ Action Learning 
  • ฝึกฝนการใช้ DNA Competency ขององค์กร
  • การสะท้อนด้วยการตั้งคำถามผ่าน DNA Competency

กลุ่มเป้าหมาย

  • พนักงานทุกระดับ , หัวหน้างาน ผู้จัดการ ผู้บริหารระดับสูง

รูปแบบการฝึกอบรมและการเรียนรู้

  • ระยะเวลา 6 ชั่วโมง ( 1 วัน) ในระดับ พื้นฐาน
  • ระยะหวังผลแบบการันตี 100 % ระยะเวลา 30 ชั่วโมง ( 5วัน/ 5 ครั้ง)
  • บรรยาย โค้ชชิ่ง และกิจกรรม Workshops

รูปแบบการประเมินผล ระยะสั้นและระยะยาว (ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง)

  • ประเมินจากการสังเกตระหว่างเข้าร่วมโปรแกรม
  • ประเมินจากคะแนน Self-Assessment / HRM & HRD
  • ประเมินจากจำนวนปัญหาที่ลดลง
  • ประเมินจากผลความสำเร็จของเป้าหมายงาน
  • ประเมินจากบรรยากาศในการทำงานของทีม

จุดเด่นของ กิจกรรม “  Action Learning  culture” ที่เราการันตี 100%

ว่าด้วยเรื่อง Action Learning กับการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร

  • กระบวนการ Action Learning เป็นกระบวนการที่มีจุดแข็งด้วยการใช้ DNA ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็น Integrity , Trust Change  และ Leadership Competencies ที่สำคัญการปลูกฝัง DNA เพื่อนำไปสร้างพฤติกรรมการทำงานให้กับพนักงานอย่างได้ผลจนเกิดผลลัพธ์ในแบบที่องค์กรต้องการ แบบเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน 
  • องค์กรไหนที่มีปัญหาเรื่องการสร้าง DNA ของคนในองค์กร การสร้างวัฒนธรรมในองค์กร ที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้จริง สิ่งเหล่านี้จะหมดไป ถ้าได้เรียนรู้ไปกับกระบวนการ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ แก้ปัญหาเหล่านี้
  • ว่าด้วย Process ของ Action Learning

    จากการทำงานกับบุคลากรในองค์กร ที่ผมเป็นที่ปรึกษา ตามองค์กรที่ผ่านกระบวนการนี้ สิ่งที่เราจะเห็น ทีมจะเห็น องค์กรจะเห็น คือ

    • Collaboration Process to Change
      มันเป็นการใช้กระบวนการทางพฤติกรรม ทางการอยู่ร่วมกัน ของทำงานมาใช้ในกระบวนการ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์ ของการพัฒนาทีม หรือ พัฒนาองค์กร ตามที่ต้องการ
    • Fairness
      การมีส่วนร่วมของทุกคนในทีม ที่ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงการมีความเท่าเทียมกันเป็นอย่างดีในการทำงานร่วมกัน และเกิดการยอมรับในการทำงานร่วมกัน 
    • Practical
      ไม่มีการเรียนรู้ใดที่ไม่มีการลงมือทำ และไม่มีการลงมือทำใดที่ไม่ก่อให้เกิดการเรียนรู้  มันจึงไม่ใช่แค่กิจกรรม การเล่นเกมส์ เพราะมันไม่ใช่เกมส์ แต่มันละเอียดมากกว่าที่จะคิดว่าเป็นเกมส์ เป็นกระบวนการที่สามารถทำให้ทุกคนในทีมเกิดกระบวนการ คิด และ เกิดการลงมือปฏิบัติ เพื่อเรียนรู้ไปพร้อมกันได้อย่างลงตัว ทั้งในรูปแบบบุคคล ทีม และ องค์กร
    • Reflection
      จุดเด่นอีกจุดหนึ่งในกระบวนการ คือ กระบวนการติดตามผล และ การสะท้อนผลที่เกิดขึ้นจากความคิดในขณะอยู่ในกระบวนการ และ การลงมือปฏิบัติหลังจากจบกระบวนการ เพื่อให้ทีมทุกคนเกิดการสร้างการเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่องและเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริงแบบเห็นผลลัพธ์ ทั้งในเชิงพฤติกรรมส่วนตัว และ พฤติกรรมในการทำงาน ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในองค์กร
    • Space Safe area

      เป็นกระบวนการที่ลดความขัดแย้ง เพิ่มพื้นที่ความปลอดภัยทางด้านจิตใจแบบ รวดเร็ว กว่า กระบวนการอื่น แบบไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นหัวใจของการแก้ปัญหาและการทำงานเป็นทีม

กระบวนการ Action Learning จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาและสามารถทำให้ทีมเกิดการเรียนรู้ พร้อมกันทั้งทีม และ สามารถ สร้างวัฒนธรรมองค์กร ไปด้วย ที่ทำให้ทีมมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหา ทำให้ทีมเข้าใจความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น เห็นปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน และเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อใจ และไว้วางใจกับทีมมากขึ้น นำไปสู่ การสร้างองค์กรจัดการตนเอง แบบยั่งยืนได้ ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นเรื่องอะไรกระบวนการนี้จะช่วยคุณได้ พร้อมเรียนรู้การทำงานไปทีม ด้วยกระบวนการที่ช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องง่าย

จากประสบการณ์การการทำงานด้านวิทยากร และ ที่ปรึกษา ด้านการพัฒนาคนและองค์กร สิ่งที่รับรู้และ โดนคาดหวังมาตลอดแบบสม่ำเสมอ จากหน่วยงานองค์กรและผู้บริหารองค์กร คือความต้องการแบบเบ็ดเสร็จขององค์กรในการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ และการพัฒนาคน ของทีมงานทุกคนในองค์กร และคาดหวังเครื่องมือต่าง ที่สามารถใช้ในการดำเนินการในการพัฒนาบุคลากรในองค์กร แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือความต้องการในเชิงผลลัพธ์ที่อยากให้เกิดขึ้น ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งใน “เชิงพฤติกรรม” ของคนทำงานในองค์กร และ การเปลี่ยนแปลงองค์กรในแบบยั่งยืน

Action Learning  Culture จึงได้รับการตอบรับในเชิงรูปธรรมแบบเห็นผลลัพธ์จับต้องได้ ทั้งพนักงานในองค์กรและทีมผู้บริหารที่เข้าร่วมการเรียนรู้ โดยผ่านการฝึกอบรมและด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในองค์กร

การให้ความสำคัญกับทุกคนที่มีส่วนร่วมในทีม การแสวงหาจุดร่วม เพื่อสร้างผลลัพธ์จากการร่วมมือปฏิบัติด้วยการให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกิดเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในการทำงาน และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีคุณค่าของทุกคนในทีม

กระบวนการ Action Learning เป็นวิธีการแก้ปัญหาและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบการเรียนรู้ร่วมกัน และสามารถทำให้ทีมเกิดการเรียนรู้ พร้อมกันทั้งทีม และ สามารถ สร้างวัฒนธรรมองค์กร ไปด้วย ที่ทำให้ทีมมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหา ทำให้ทีมเข้าใจความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น เห็นปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน และเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อใจ และไว้วางใจกับทีมมากขึ้น นำไปสู่ การสร้างองค์กรจัดการตนเองแบบยั่งยืนได้

เมื่อมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในการสร้างทีมและการบริหารวัฒธรรมองค์กร เราจึงเน้นกระบวนการให้เรียนรู้ร่วมกันแบบทีม หลายคนอาจกำลังคิดว่ารอแก้ปัญหาพร้อมกับทีมจะต้องรับฟังหลายความเห็น และทำให้เสียเวลามากขึ้นกว่าเดิมไหม ปัญหามาปุ๊บ แก้ไปคนเดียว น่าจะเร็วกว่า แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าปัญหาที่ถูกแก้ไปแล้วจากเราคนเดียว ไม่ได้สร้างการเรียนรู้ให้กับทีม สร้างวัฒนธรรมที่ดีงามจากทีม และอาจทำให้เกิดปัญหานั้นซ้ำอีกครั้งก็ได้

Action Learning Culture  กระบวนการที่ทำให้ทีมมีส่วนร่วมเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี และมีความสามารถในการจัดการปัญหาที่ดี ทำให้ทีมเข้าใจความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น เห็นปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน และเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อใจ และไว้วางใจกับทีมมากขึ้น

Action Learning Culture จึงเป็นกระบวนการที่มีจุดแข็ง ด้านการใช้ DNA ขององค์กร และ Leadership Competencies เพื่อนำไปสร้างพฤติกรรมการทำงานให้กับพนักงานอย่างได้ผล จนเกิดผลลัพธ์ในแบบที่องค์กรต้องการ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานทุกคนในองค์กร Trust the TEAM, Trust the Process.

 

 

วัตถุประสงค์ :  

  1. เพื่อให้พนักงานสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุค4.0 มีพลังในการทำงาน
  2. มีแรงบันดาลใจในการพัฒนางานของตน  ในฐานะวิทยากรภายในองค์กร กล้าตั้งเป้าหมายและมุ่งมั่นที่จะทำเป้าหมายให้บรรลุเพื่อตนเองและองค์กร
  3. สร้างจิตสำนึกและสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงาน และบทบาทวิทยากรในองค์กร
  4. เพื่อเข้าใจเป้าหมายของทีมและองค์กรได้อย่างถ่องแท้
  5. เพื่อเข้าใจหลักการพัฒนาตนเองเพื่อนำไปใช้ ในการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
  6. เพื่อเสริมสร้าง เพิ่มพูนและพัฒนาทักษะให้แก่พนักงานที่เป็น Trainer ได้มีความรู้และความชำนาญ ในการสอนมากยิ่งขึ้น และนำไปประยุกต์ใช้กับการเป็นวิทยากรในการจัดรูปแบบการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเนื้อหา และกลุ่มผู้เรียน
  7. เพื่อสร้างบรรยากาศสันติสุข ความรื่นรมย์ ในการทำงาน
  8. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมทำหน้าที่วิทยากรได้อย่างมืออาชีพ
  9. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เข้าใจหลักการทั้งด้านความคิดและการปฎิบัติในหน้าที่วิทยากรได้ดียิ่งขึ้นและเลือกเครื่องมือการฝึกอบรมไปใช้ได้อย่างเหมาะสม

ระยะเวลา :            2 วัน ( 12 ชั่วโมง) 

กลุ่มเป้าหมาย :      พนักงาน /หัวหน้างาน พนักงานที่เป็น Trainer
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม :  20 ท่าน+++

กลยุทธ์ในการฝึกอบรม :

  1. การนำเสนอด้วยภาพยนตร์ / การบรรยาย
  2. Powerpoint
  3. อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
  4. Workshop Role Play แบบเข้มข้น

เนื้อหาหัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และ การเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ผู้สอนงานที่ดี

  • ความสำคัญของการสอนงาน
  • คุณสมบัติของผู้สอนงานที่ดี
  • แนวทางการสอนงาน

ส่วนที่ 2: สมรรถนะของวิทยากรภายในองค์กร

  • หลักจิตวิทยาการเรียนรู้แบบต่าง ๆ ที่วิทยากรต้องรู้
  •         วิเคราะห์ตนเองเพื่อเตรียมเสริมสร้างหลักสูตรที่เหมาะสม
  •       วิธีการสื่อสาร และ พฤติกรรม , บุคลิกภาพ ที่ทำให้การสอนงานดีขึ้น

ส่วนที่ 3: เตรียมตัวเป็น “วิทยากร”

  •       กับดักความคิดและการก้าวข้าม
  •       การเตรียมขั้นตอน กระบวนการในการสอน
  •       การพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการเป็นวิทยากร

ส่วนที่ 4:  การพัฒนาแผนการสอน

  • การเตรียมแผนการสอนงาน
  • เทคนิคการวางแผนการสอน 
  • ฝึกปฏิบัติตามโจทย์อย่างเข้มข้น

กิจกรรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม

WORKSHOP ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 : วิทยากรกับองค์กร

  • บทบาท,หน้าที่ ของวิทยากรภายใน
  • คุณสมบัติที่ดีของวิทยากรภายใน
  • สำรวจตัวเองเพื่อก้าวข้ามส่งมอบคุณค่าภายในให้องค์กร
  • ได้แนวทางในการนำไปใช้เชื่อมโยงในการทำงาน

 

Workshop 2 :Trainer Competencies  

  • จิตวิทยาการเรียนรู้สำหรับวิทยากร
  • ผู้เข้าอบรมวิเคราะห์การเรียนรู้แบบต่าง ๆ ของผู้เรียน
  • ทักษะที่จำเป็นของวิทยากร , การสื่อสาร ,บุคลิกภาพ , เครื่องมือ
  • เรียนรู้หลัก CVD ในการสอน
  • ได้วิธีการสอนงานไปเชื่อมโยงในการทำงานอย่างยั่งยืน

Workshop 3: การพัฒนาแผนการสอน  

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการ ออกแบบแผนการสอน Lesson Plan
  • ผู้เข้าอบรมฝึกออกแบบแผนการสอน ตาม ขั้นตอน
  • ได้แนวทาง การออกแบบแผนการสอนไปปรับใช้ในการทำงาน 

Workshop 4  : The Trainer

  • ผู้เข้าอบรมทำกิจกรรมเตรียมแผนการสอนตามโจทย์ที่ได้รับมอบหมาย
  • ผู้เข้าอบรมฝึกอบรมปฏิบัติแบบสอนจริงแบบเข้มข้น วิทยากรช่วยชี้แนวทาง สร้างแนวคิด กระตุ้นกระบวนการคิด เพื่อให้ผู้เรียนได้นำไปปรับใช้จริงให้มากที่สุด
  • ผู้เรียนได้แนวทางในการนำไปใช้เชื่อมโยงในการทำงาน

วิทยากรอธิบายสรุปการเรียนรู้

  • กระตุ้นให้ผู้เข้าอบรมช่วยกันนำเสนอคุณสมบัติที่ดีของหัวหน้างานเชื่อมโยง กับคุณสมบัติที่มีในตัวเอง และ เพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายไปพร้อมแนวทางในการปฏิบัติ

 

วัตถุประสงค์  

  1. เพื่อลดปัญหาที่มาจากความขัดแย้งในการสื่อสารระหว่างกัน  ภายในทีมงานและองค์กร
  2.  เพื่อการเรียนรู้ข้อบกพร่องในการสื่อสารของมนุษย์ ที่จะนำไปสู่การขัดแย้ง          
  3. เพื่อเพิ่มทักษะทางด้านการสื่อสารของตนเองและระหว่างบุคคลให้ดีมากขึ้นอย่างสร้างสรรค์

ระยะเวลา: 1 วัน
กลุ่มเป้าหมาย: ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ – ไม่จำกัดวุฒิภาวะ
                       (จะแยกกลุ่มแบ่งระดับ – หรือ ฝึกอบรมร่วมกันก็ได้)
จำนวนคน/ครั้ง ตั้งแต่ 25-35 ท่าน>

กลยุทธ์ที่ใช้          

  1. เกมส์การเรียนรู้/กิจกรรม Role Play
  2. แบบฝึกหัด และ Work shop
  3. Power point
  4. อภิปรายและเปลี่ยนความคิดเห็น

เนื้อหาหัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และ การเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ผู้สื่อสารที่ดี

  • เรียนรู้การทำงานของสมองกับการสื่อสาร
  • ความสำคัญและความจำเป็นของการสื่อสาร
  • แนวทางการสื่อสารที่ดี

ส่วนที่ 2: ส่วนประกอบ 3 ด้านของการสื่อสาร

  • หลุมพรางของการสื่อสาร
  • พื้นที่ของการสื่อสาร
  • วิธีการสื่อสารที่ได้ทั้งใจและงาน

ส่วนที่ 3: การรู้จักการสื่อสารตามแบบของคนในแบบต่าง

  • การวิเคราะห์คน 4 แบบ เพื่อยกระดับการสื่อสาร
  • เทคนิคการสื่อสารกับผู้บังคับบัญชา
  • เทคนิคการสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชา

กิจกรรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม

WORKSHOP ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 : วิเคราะห์ความคิด 

  • เรียนรู้การทำงานของสมองซีกซ้าย & ซีกขวา
  • ผู้เข้าอบรมทำกิจกรรมฝึกสมองซีกซ้าย , ซีกขวา
  • ฝึกการเชื่อมโยงความคิดจากสมองซีกซ้าย & ซีกขวา
  • ได้แนวทางในการนำไปใช้เชื่อมโยงในการทำงาน

Workshop 2 : หลุมพรางความคิด

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการดำเนินการ
  • ผู้เข้าอบรมวิเคราะห์พร้อมบททดสอบทางความคิดว่ามีหลุมพรางทางความคิดไหม
  • เรียนรู้แนวทางการจัดการความคิดที่เป็นกับดักและหลุมพรางให้หมดไป
  • ได้วิธีการจัดการกับดักความคิดอย่างยั่งยืน

Workshop 3: การจัดระบบความคิด

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการฝึกฝนความคิด
  • ผู้เข้าอบรมฝึกในความคิดแต่ละขั้น การคิดคล่องแคล่ว (Fluency)
  • ผู้เข้าอบรมฝึกฝน ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility )
  • ผู้เข้าอบรมฝึกฝน ความคิดริเริ่ม (Originality )
  • ผู้เข้าอบรมฝึกฝน ความคิด ละเอียดลออ (Elaboration)
  • เรียนรู้ทักษะ การคิดวิจารณญาณ และ การคิดแก้ปัญหา 

Workshop 4  : Process to Creative Thinking 

  • เรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือบริหารความคิด
  • ผู้เข้าอบรมทำกิจกรรมกับเคื่องมือบริหารความคิด
  • ผู้เรียนได้แนวทางในการนำไปใช้เชื่อมโยงในการทำงาน

วิทยากรอธิบายสรุปการเรียนรู้

  • กระตุ้นให้ผู้เข้าอบรมช่วยกันนำเสนอคุณสมบัติที่ดีของหัวหน้างานเชื่อมโยง กับคุณสมบัติที่มีในตัวเอง และ เพิ่มเติมส่วนที่ขาดหายไปพร้อมแนวทางในการปฏิบัติ
  • ผู้เรียนได้แนวทางเพิ่มเติมในการเป็นหัวหน้าที่ดี

 -ถาม-ตอบ จบการสัมมนา

หลักการและเหตุผล

กระบวนการคิดและการแก้ปัญหาเป็นทักษะสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานและการดำเนินชีวิต ยิ่งเป็นการทำงานด้วยแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เคยเป็นปัญหาของตัวเอง แต่ปัญหานั้นเป็นปัญหาของทีม ดังนั้น พนักงานทุกคนจึงควรตระหนักในการทำงานร่วมกันเป็นทีมและยกระดับการคิดและการแก้ปัญหาแบบทีมอย่างเป็นระบบ และร่วมกันสร้างวิธีการแก้ปัญหาและสามารถทำให้ทีมเกิดการเรียนรู้ พร้อมกันทั้งทีม และ สามารถ สร้างวัฒนธรรมองค์กร ไปด้วย ที่ทำให้ทีมมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหา ทำให้ทีมเข้าใจความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น เห็นปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้และตระหนักถึงความสำคัญในกระบวนการแก้ปัญหา
  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีทักษะในการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหาแบบมีส่วนร่วม
  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีทักษะในการแก้ปัญหาผ่านกระบวนการ Action Learning
  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมรู้เทคนิค เครื่องมือ และวิธีการต่าง คิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา

ระยะเวลา : 1วัน

กลุ่มเป้าหมาย : พนักงานทุกระดับ / หัวหน้างาน และผู้บริหารระดับสูง
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม :  20  ท่าน+++

กลยุทธ์ในการฝึกอบรม :    

  1. เกมส์การเรียนรู้ /กิจกรรม
  2. แบบฝึกหัด และ WORK SHOP
  3. Powerpoint
  4. อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

หัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และการเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ความสำคัญของกาคิดชิงวิเคราะห์และหลุมพรางของการคิด

  • หลุมพรางทางความคิด
  • กระบวนการ ก้าวข้ามหลุมพรางทางความคิด
  •         เทคนิคการเท่าทันความคิดเพื่อการจัดการสิ่งต่าง รอบตัว

ส่วนที่ 2 : การคิดเชิงวิเคราะห์กับกระบวนการทำงาน

  • กิจกรรมการฝึกฝนการวิเคราะห์การแก้ปัญหาผ่านกระบวนการทำงาน
  • เทคนิคการคิดวิเคราะห์ด้วย 8 D      
  • ทักษะการแก้ปัญหาแบบเป็นขั้นตอนด้วยหลักการ PDCA 

ส่วนที่ 3 : กระบวนการแก้ปัญหา ด้วย Action Learning Problem solving

  • เทคนิคการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการ Action Learning 
  • ฝึกฝนการแก้ปัญหา ผ่าน Competency ขององค์กร
  • การสะท้อนกระบวนการทั้งหมดด้วยการตั้งคำถาม

การฝึกอบรมในรูปแบบของการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ ( Adult Learning ) ทำให้ผู้เรียนรู้สามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานได้ทันที เพราะได้ดำเนินการคิดร่วมกันระหว่างการฝึกอบรม

การฝึกอบรมมีความหลากหลาย เพื่อให้เกิดความสนุกสนานและเข้าใจง่าย

  • การบรรยาย : เน้นเนื้อหาที่ใกล้ตัว เพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้
  • Work Shop : กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
  • การนำเสนอ : เกิดการฝึกฝนการแสดงออกและทำงานเป็นทีม
  • การตอบคำถาม : จูงใจให้ผู้ฝึกอบรมได้คิด และแสดงความคิดเห็น
  • Role Playing : ทำให้เห็นสถานการณ์จริง โดยการแสดงแบบสมมติ
  • กำหนดแนวทางให้ผู้เข้าฝึกอบรม ได้นำความรู้ที่ได้รับไปปรับเปลี่ยนตัวเองทั้งด้านความคิด ความรู้สึกและการกระทำ โดยการพัฒนาตัวเอง ด้วยการฝึกฝนจนกลายเป็นธรรมชาติ
  • การบ้านที่เป็นเป้าหมาย สามารถนำไปจัดทำเป็นโครงการในแง่ส่วนบุคคล และ/หรือ ทีม ที่เหมาะสมตามที่ตัวเองเลือก
  • วิทยากรทำหน้าที่เพียงผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ (Facilitator) ทำให้การพัฒนาเป็นไปตามธรรมชาติของผู้เรียนรู้นั้นๆ โดยการเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยตัวเอง

 

วัตถุประสงค์ : 

  1. เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจและสร้างทักษะการฟังเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพให้กับผู้เข้าอบรม
  2. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารภายในและภายนอกองค์กรและการดำเนินชีวิต
  3. เพื่อที่จะสามารถเชื่อมโยงและนำทักษะการฟังที่ถูกต้องไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
  4. เพื่อสร้างบรรยากาศสันติสุขและความรื่นรมย์ในการทำงานและการดำเนินชีวิต
  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมโดยเฉพาะผู้บริหารได้เรียนรู้ทักษะการฟังอย่างถูกต้อง

ระยะเวลา : 1 วัน ( 6 ชั่วโมง) 

กลุ่มเป้าหมาย : พนักงานทุกระดับ/หัวหน้างาน/ผู้บริหารระดับสูง

จำนวนผู้เข้าอบรม : 30 ท่าน+++

กลยุทธ์การฝึกอบรม

  1. Workshop Role Play
  2. Powerpoint
  3. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสะท้อนมุมมอง
  4. Dialogue

เนื้อหาหัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และ การเรียนรู้ 

ส่วนที่ 1 : Listening 

  • การฟังคืออะไร? 
  • แล้วทำไมต้องฟัง? 
  • เราฟังกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?

ส่วนที่ 2 :  Space Listening 

  • อุปสรรคที่ทำให้เกิดการฟังไม่ได้
  • เรียนรู้เท่าทันอารมณ์เพื่อที่จะฟัง
  • 3 เทคนิคการสร้างพื้นที่การฟังที่ดี

ส่วนที่ 3 : เทคนิคการฟังที่ดี ด้วย Dialogue

  • 6 Process to Dialogue
  • ภาวะผู้นำกับการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฟังแบบไหนให้ได้ใจและได้งาน

ส่วนที่ 4  : เคล็ด(ไม่)ลับ ในการฟังเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพ

  • การฟังเชิงลึกกับการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์เพื่อการทำงานร่วมกันกับผู้อื่น อย่างมีความสุข
  • เทคนิคการบริหารทีมงานโดยการฟัง

กิจกรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม

WORKSHOP ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 : ความเชื่อ

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการดำเนินการ
  • ผู้เข้าอบรมร่วมกิจกรรมค้นหา ความหมายของการฟังที่แท้จริง
  • เรียนรู้และเข้าใจว่าทำไมเราถึงไม่สามารถฟังกันได้อย่างจริง
  • ได้แนวทางในการนำไปใช้ในการทำงานและการดำเนินชีวิต

Workshop 2 : Save Zone Listening  

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการดำเนินการเรียนรู้ตัวเองเชิงลึก
  • ผู้เข้าอบรมร่วมกระบวนการเพื่อรู้จักพื้นที่ที่แท้จริงในการฝึกฟัง
  • ผู้เข้าอบรมได้เห็นองค์ประกอบหลักในการฟังเชิงลึกอย่างชัดเจน
  • ได้แนวทางในการนำไปใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน

Workshop 3: Process to Dialogue  

  • วิทยากรอธิบายแนวทางการปรับเปลี่ยนชุดพฤติกรรมในการฟัง
  • ผู้เข้าอบรมฝึกสะท้อนตัวเองกับเพื่อนร่วมงานเพื่อหาแนวทางปรับใช้
  • ผู้เข้าอบรมได้แนวทางในการยกระดับความสัมพันธ์อย่างถูกต้องพร้อมนำไปใช้ได้จริง 

Workshop 4: Dialogue for Leadership 

  • วิทยากรอธิบายการเรียนรู้เทคนิคการหัวสำหรับผู้นำ
  • ฝึกฝนกระบวนการ Process to Success ในการฟังอย่างต่อเนื่อง
  • ผู้เรียนได้แนวทางเพิ่มเติมในการเพื่อนร่วมงานที่ดีพร้อมนำไปใช้ได้จริง

จบการสัมมนา ถาม&ตอบ

 

ติดต่อสอบถาม

บริการด้านการฝึกอบรม ให้คำปรึกษาการพัฒนาระบบงาน พัฒนาบุคลากร หัวหน้างานในองค์กรและโรงงานอุตสาหกรรม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า