การสร้างค่านิยมหลัก (Core Value) ขององค์กรเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการร่วมมือจากทุกคนในองค์กร เพื่อให้สอดคล้องและเป็นวัฒนธรรมขององค์กร วันนี้ ต้องยอมรับว่า องค์กรที่ประสบความสำเร็จนั้น ล้วนมีองค์ประกอบหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยเป็นส่วนผสม คือ การที่บุคลากรในองค์กรมี DNA ที่ดีตามที่องค์กรต้องการ นั่นหมายความว่า อยู่ ๆ พนักงานในองค์กรจะมีได้เลยนั้นคงไม่ใช่ อต่เป็นเพราะองค์กรจะต้องช่วยผลักันและสนับสนุนให้มีและเกิดขึ้น หากสามารถให้พนักงานในแต่ละระดับมีความเชื่อและรู้สึกได้ว่าสิ่งที่ตนเองปฏิบัติอยู่นี้มีความสอดคล้อง กับค่านิยมหลักขององค์กรอยู่ระดับใดได้ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งสอนเทคนิคให้หัวหน้างานมีวิธีการรณรงค์อย่างสม่ำเสมอได้อย่างเหมาะสมกับสไตล์ของทีม พฤติกรรมต่าง ๆ ที่แสดงออกมาจากพนักงานในองค์กรจะสามารถบ่งบอกความเป็นวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างดี เพราะเราเชื่อว่า “คุณภาพของคนบ่งบอกคุณภาพขององค์กร” นี่คือหัวใจสำคัญของการสร้างเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืน

วัตถุประสงค์ :  

1. เพื่อให้พนักงานทุกคนเข้าใจเป้าหมายที่ชัดเจน สร้างแนวคิดและแนวทางและมีความเข้าใจที่ถูกต้องของค่านิยมองค์กร , ค่านิยมทีม,ค่าสามารถกระจายค่านิยมองค์กรลงสู่หน่วยงานหรือบุคลากรในองค์กรได้
2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรม สามารถมีกระบวนการวิเคราะห์ อย่างเป็นระบบ เพื่อร่วมกันสร้างค่านิยมองค์กรที่ดีออกมา และ แปลงสู่การปฏิบัติเป็นวัฒนธรรมองค์กร
3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรม สามารถวางแผนปฏิบัติงาน  ให้ตอบสนองต่อค่านิยมองค์กรและทำงานด้วยพฤติกรรมแห่งค่านิยมองค์กรสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายได้

ระยะเวลา :  5- 7 วัน ( 30-42 ชั่วโมง) *ขึ้นอยู่ตามขนาดองค์กร

กลุ่มเป้าหมาย :      พนักงาน / หัวหน้างาน / ผู้บริหารขององค์กร
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม :  ตามจำนวนตำแหน่งขององค์กรนั้น ๆ

กลยุทธ์ในการฝึกอบรม :   

1. การนำเสนอด้วยภาพยนตร์ / การบรรยาย
2. Powerpoint
3. อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

4. Workshop Role Play แบบเข้มข้น

เนื้อหาหัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และ การเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ค้นหาพฤติกรรมพึงประสงค์ Scan องค์กร ( 1 วัน)

• ทำไมต้องมีค่านิยมองค์กร
• ค่านิยมองค์กรกับการทำงานในองค์กร
• แนวทางการหาพฤติกรรม DNA ของคนในองค์กร

ส่วนที่ 2: DNA ประจำองค์กร ( 1 วัน)

• กำหนดพฤติกรรมที่สร้างคุณค่าให้องค์กร
• วิเคราะห์แผนกเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมทีม่พฤติกรรมองค์กร
• ตรวจสอบพฤติกรรมระดับหน่วยงาน

ส่วนที่ 3: ติดตั้ง DNA ประจำองค์กร (1 วัน)

• ติดตั้ง DNA ประจำองค์กรผ่านสถานการณ์การทำงาน
• ออกแบบการปลูกฝัง DNA ประจำองค์กรให้กับหน่วยงานและทีมงาน
• Action Plan DNA สู่ค่านิยมที่ยั่งยืน

ส่วนที่ 4:  การติดตามผลเพื่อความยั่งยืน (1วัน)

• การออกแบบหัวข้อการติดตามผล
• การจัดทำแผนการรักษา,ส่งเสริม,การประเมินผล 
• แนวทางการพัฒนาค่านิยมองค์กรประจำวัน,ประจำเดือน,ประจำปี แบบยั่งยืน

ส่วนที่ 5: การติดตั้ง DNA รายบุคคลแบบการันตีผล 100% ( ขั้นต่ำ 3 วัน)

•     กระบวนการติดตั้ง DNA รายบุคคล
•     เทคนิคการติดตั้ง DNA ด้วยกฎ 2 ข้อ 6 องค์ประกอบ
•     ฝึกปฏิบัติแบบเข้มข้นผ่านโจทย์จริงขององค์กร

*ส่วนเสริมที่ 6 :การติดตามผลงาน

• ทุก 1 เดือน ระยะ 6 เดือน 
• ทุก 1 เดือน ระยะ 12 เดือน 
• ชี้แนวทาง,สร้างแนวคิด แบบยั่งยืนตลอดไป

หลักการและเหตุผล

ปัจจุบันแนวคิดเกี่ยวกับความผูกพันของพนักงานต่อองค์การเป็นที่ยอมรับอย่างมากใน ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาครัฐหรือภาคเอกชน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นแนวคิดที่เชื่อว่าหาก พนักงานในองค์กรมีความผูกพันในองค กรสูงแล้วจะส่งผลต่อการดำเนินการตามภาพรวมของ องค์กร แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพนักงานมีความผู้พันหรือไม่ หากมี จะมีมากหรือมีน้อยเพียงใด

ดังนั้นการสร้างความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร (Employee Engagement)  จึงเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดของผู้บริหาร หัวหน้างาน และหน่วยงาน HR ทุกองค์กร เพราะพนักงานที่มีความรักและผูกพันกับ องค์กร จะมีทัศนคติ พฤติกรรมการแสดงออกที่ดี เสริมประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้พนักงานอยู่กับองค์กรได้นาน ส่งผลต่อการขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างยั่งยืน

หลักสูตรนี้และ โปรแกรมพัฒนาแบบเป็นระบบอย่างมืออาชีพจะทำให้ท่านและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกท่าน

• ทราบขั้นตอน และวิธีการในการสร้าง Employee Engagement การสร้าง Team  พร้อมการนำไปปรับใช้ในองค์กร   เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มีมากขึ้น
• ลดการสูญเสียพนักงาน เสริมสร้างความรักความผูกพันให้อยู่กับองค์กรได้นาน   
• Workshop การสร้าง Employee Engagement และการสร้าง Team การบริหาร Team การบริหารคน  จาก Case Studies เพื่อการนำไปปรับใช้ได้จริง เล่นจริง เจ็บจริง เรียนรู้จริง แบบเข้มข้น 

วัตถุประสงค์ :

1. เพื่อเสริมสร้างมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องความผูกพันของพนักงานต่อ องค์กร และการนำมาสร้างคุณค่าให้กับองค์การ
2. เพื่อให้มีความเข้าใจในปัจจัยแห่งความสำเร็จของการสร้างและพัฒนา Employee Engagement วิธีการสารวจความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรและเทคนิคการนำผลสารวจไปใช้
3. ให้มีความรู้และทักษะในการสร้างและพัฒนาEmployee Engagement ให้กับพนักงานทุกคนและองค์กรเพื่อก่อประโยชน์สูงสุด
4. เพื่อลดความขัดแย้ง ในการทำงานร่วมกัน และสามารถพัฒนางานด้านบุคลากรสู่ความเป็นเลิศได้อย่างสอดคล้องกับตนเองและเป้าหมายขององค์กร
5. เพื่อสร้างบรรยากาศสันติสุข ความรื่นรมย์ ในการทำงาน

ในกระบวนการทำ Engagement ในองค์กรผมเน้นสิ่งที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างใหญ่ 4 เรื่อง คือ งาน / เพื่อนร่วมงาน / หัวหน้างาน / และ องค์กร ซึ่งในแต่ละส่วนต่างมีนัยแห่งการดำรงอยู่ร่วมกันในระบบความสัมพันธ์ของทุกคนในองค์กร การทำงานจึงพิถีพิถันอย่างมากเพื่อให้ก่อประโยน์ชสูงสุดในทุกมิติสัมพันธ์

โครงสร้างและเนื้อหาหลักสูตร พัฒนาต่อเนื่อง

ส่วนที่  1.ทบทวนทิศทางของตนเองและองค์กร

จะเป็นการเข้าไปเก็บข้อมูล จริงจากหน้างานก่อนวันจริง อย่างน้อย 2 สัปดาห์ และสื่อสารเบื้องต้นกับทีมที่จะไปสัมมนาก่อนวันจริง ทีมที่จะทำ Project ร่วมกัน)

ขั้นแรก การทำ 3G เป็นการลงพื้นที่หน้างานของทุกส่วนงานที่ไปทำ การได้เห็นมุมสะท้อนของกันและกันและปัญหาที่เกิดขึ้น การมองถึงสถานการณ์จริงว่าเป็นอย่างไร และเก็บรายละเอียดมาเพื่อทำการบ้านกับทีม HRD / และ ส่วนงานนั้น ๆ ต่อไป

วัตถุประสงค์หลัก : เพื่อเรียนรู้และเตรียมพร้อมเติบโต ไปสู่องค์กรจัดการตนเองได้ เป็นการปูพื้นฐานสู่การสร้าง วัฒนธรรมองค์กร วัฒนธรรมทีม ให้เข้าใจเป้าหมายในองค์กรร่วมกัน

ส่วนที่  2(Clothing design Development Program )

ขั้นที่สอง การออกแบบคลาสเรียนให้เหมาะสมกับพื้นที่การเรียนรู้ของแต่ละคน แต่ละหน่วยงาน แต่ละส่วนงาน เพราะทุกพื้นที่ต่างมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่แตกต่างกันไป เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักมากขึ้นและเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองได้  ทั้งนี้ คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของพนักงาน / หน่วยงาน / องค์กร เป็นสำคัญ

ส่วนที่  3 (Training Development Program )

อบรมในหรือนอกสถานที่ 2 วัน 1 คืน (ตามตกลง)

กิจกรรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม

WORKSHOP ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 :  (Emotion, belief, behavior การปรับMindset)

• ให้ผู้อบรมเข้าใจและรับรู้หลักการการทำงานของตนเองผ่านกระบวนการคิดที่มีผลต่อผู้อื่น (ทัศนคติในด้าน บวก และ ด้าน ลบ)
•   สำรวจกับดักความคิดในตัวเองเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ และพฤติกรรมเชิงบวกใหม่ และ บริหารความขัดแย้งทางการทำงานทั้งในงานและนอกงาน เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศรื่นรมย์ในการทำงาน
•   การปรับทัศนคติเชิงบวก เพื่อความคิดเชิงบวก , เพื่อการสื่อสารเชิงบวกและการสร้างสัมพันธ์เชิงบวกต่อตนเองกับผู้อื่นและองค์กรสู่การปรับเปลี่ยนเป็นการกระทำริเริ่มเชิงบวกต่อระบบความสัมพันธ์ในองค์กร
•   เทคนิคการ ปรับแต่งตัวเองเชิงพฤติกรรม เพื่อผลลัพธ์เชิงบวก  ในระดับความสัมพันธ์ของคนในองค์กรและองค์กรเอง

Workshop 2 : “Dialogue  Living organization “ การสร้างองค์กรมีชีวิตให้ดำรงอยู่ในระบบควา ผูกพัน ในองค์กร 

• เรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิด ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร
• ผลของความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร
• การวัดระดับความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร
• เรียนรู้การสร้างพื้นที่ความผูกพันร่วมกัน ของตนเอง / เพื่อนร่วมงาน/ องค์กร ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
• แนวทางการสร้างความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร.  

Workshop 3  : “ Who am I Living organization

• เรียนรู้เข้าใจหลักการทำงานกับคนในองค์กรและวัฒนธรรมองค์กรด้วยกฎของ ความแตกต่าง เพื่อสร้างฐานความเข้าใจ การยกระดับความผูกพันร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
• เรียนรู้ระดับทีม / แผนก / องค์กร เชิงลึก เพื่อลด Gap ความขัดแย้งซึ่งเป็นตัวแปรที่ทำให้คนในองค์กรไม่มีความสุข และ ความผูกพันหายไป
• เข้าใจแนวทาง / ปัจจัย / สำคัญ ต่าง ๆ ที่นำไปสู่การสร้างความผูกพันทางใจแบบยั่งยืน

Workshop 4 : “Spark up in yourself” ( การสร้างพลังแห่งการอยู่ร่วมกันของทีม) *อยู่อย่างมีความหมาย

• เรียนรู้ร่วมกันในความหมายความผูกพันในการทำงานร่วมกันเพื่อผลสำเร็จของตนเอง/ทีมงาน/องค์กร
• เรียนรู้เข้าใจชุดพฤติกรรมที่เหมาะสม / ถูกต้อง และ ดี ในการสร้างความผูกพันแบบยั่งยืน
• เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ในการคิด / การฟัง / การสื่อสาร / การเปลี่ยนแปลงตนเองในทางที่ดีได้แบบยั่งยืน

Workshop 5 :   “Work  plan & life plan to Employee Engagement  ”

• เรียนรู้การตั้งเป้าหมายในการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับองค์กรและตระหนักในการพัฒนาตนเองในบทบาทพนักงานที่ดีในองค์กร 
• เข้าใจเครื่องมือและวิธีพัฒนาตนเองเพื่อสร้างความรักความผูกพันในองค์กร และสามารถนำไปใช้กับตนเองและสามารถพัฒนาตนเองร่วมกับทีมงานได้อย่างกลมกลืนและมีความสุข
• สามารถเข้าใจ ในเป้าหมาย ในการทำงาน และเป้าหมายในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และรู้จักวิธีการทำงานให้ได้ตามเป้าหมายอย่างไร้รอยต่อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น และ สามารถบริหารความคาดหวังขององค์กรได้

จบกิจกรรม

ถาม-ตอบ

ส่วนที่  4 :   ติดตามผล (Fowlow Up)หลังจากทำไปแล้ว 1-3 เดือน                       ( Follow Up Development )  ทำทุกแผนก 

ขั้นที่สี่ การประเมินผลและติดตามผล หลังจากผ่านกระบวนการบ่มเพาะทางปัญญาและการเพิ่มมุมพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้นำไปสู่การเกิด Engagement ในหน่วยงานนั้น ๆ ได้และต่อยอดออกไปสู่องค์กร

ติดตามผลหลังจากดลับจากสัมมนาสร้างคุณค่าเพิ่มของวัฒนธรรมองค์กร และความผูกพันในองค์กรให้ดีขึ้น

กำหนดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของคนในองค์กร ในระดับองค์กร เพื่อเช็คพฤติกรรมว่า มีการปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่             

ประโยชน์ต่อองค์กร

1. ลดอัตราการเกิดซ้ำของปัญหา 
2. ลดอัตราการทำงานแบบไม่เข้าใจในบทบาทระหว่างกันและกัน
3. ลดต้นทุนจากความสูญเปล่า (COPQ: Cost of Poor Quality)
4. สร้างขวัญและกำลังใจที่ดีต่อพนักงานในองค์กร
5. ได้รับความน่าเชื่อถือจากการตรวจประเมินโดยองค์กร / ลูกค้าภายใน / ลูกค้าภายนอก 

จุดเด่นของหลักสูตร

1. เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (ขอย้ำ เราไม่ได้สอนแค่เข้าใจ แค่มานั่งฟังให้จบคลาส มาเรียนให้จบๆไป แต่เราสอนให้ทุกคนรู้สึก ถึงการเรียนรู้เพื่อนำไปปฏิบัติใช้จริง )เพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการเรียนรู้และความสนใจของผู้เรียน
2. ใช้กรณีศึกษาจริงขององค์กรเพื่อประโยชน์ในการประยุกต์ใช้หลังการฝึกอบรม
3. เชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตประจำวันของผู้เรียนเพื่อง่ายต่อการเข้าใจและการจดจำ
4. ใช้การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมกลุ่มเพื่อเสริมสร้างสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
5. เน้นทั้งวิธีคิด และหลักคิด

เป็นหลักสูตรที่การรันตีการนำ DNA ขององค์กรมาใช้ได้จริง 100%

วัตถุประสงค์:

• เพื่อให้พนักงานในระดับหน้างาน หรือ ผู้จัดการขึ้นไปเข้าใจในะดับการสื่อสารอย่างถูกต้องและเหมาะสม พร้อม ผลักดันทีมงานสู่เป้าหมายหลักขององค์กรได้
• เพื่อสร้าง DNA ที่ดีที่เหมาะสมตามที่องค์กรคาดหวัง ติดตัวในตนเองเพื่อเป็นแบบอย่างต่อผู่ร่วมงานต่อไป เพื่อให้ทำให้ตัวเองและทีมงานเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล อย่างเต็มความสามารถ
• เพื่อเรียนรู้วิธีการและแนวคิดในการสร้างแรงผลักดันในตัวเองและทีม ผ่าน DNA องค์กร ให้ทีมงานเห็นเป้าหมายเดียวกัน และร่วมกันลงมือทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
• เพื่อให้พนักงานระดับหน้างาน หรือผู้จัดการขึ้นไป เรียนรู้แนวทางในการดึงศักยภาพพนักงานในตนเองและทีมออกมา
• เพื่อให้หัวหน้างาน และ ผู้บริหาร ได้เรียนรู้ทักษะ วิธีการ กระบวนการ ในการสร้าง DNA แบบยั่งยืนในองค์กรให้ตนเองและคนรอบข้า
• กลุ่มเป้าหมาย : พนักงานระดับหัวหน้างาน และ ผู้บริหารระดับสูง
  จำนวนผู้เข้ารับการอบรม :20 ท่าน 

กลยุทธ์ในการฝึกอบรม :    

1. กิจกรรมการเรียนรู้เชิงพฤติกรรมผ่าน DNA องค์กร
2. Dialogue 
3. แบบฝึกหัด และ WORK SHOP Action Learning  Role play 
4. Powerpoint
5. อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น (Reflection)

หัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และการเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ความสำคัญของการสร้าง DNA องค์กร ( วัฒนธรรมองค์กร)

• ทำไมต้องสร้าง DNA ของคนในองค์กร
• กระบวนการ สร้างวัฒนธรรมองค์กร ด้วยการ ทำงานเป็นทีม สำคัญอย่างไร

ส่วนที่ 2 : กฎเหล็กสำคัญในการสร้าง DNA องค์กร

• เทคนิคสร้าง DNA ของคนในองค์กรด้วย กฎ 2 ข้อ
• Process to Success ในการสร้าง DNA องค์กร

ส่วนที่ 3 : กระบวนการสร้าง DNA ด้วย Action Learning 

• เทคนิคสร้าง DNA ด้วยกระบวนการ Action Learning 
• ฝึกฝนการใช้ DNA Competency ขององค์กร
• การสะท้อนด้วยการตั้งคำถามผ่าน DNA Competency

กลุ่มเป้าหมาย

• พนักงานทุกระดับ , หัวหน้างาน ผู้จัดการ ผู้บริหารระดับสูง

รูปแบบการฝึกอบรมและการเรียนรู้

• ระยะเวลา 6 ชั่วโมง ( 1 วัน) ในระดับ พื้นฐาน
• ระยะหวังผลแบบการันตี 100 % ระยะเวลา 30 ชั่วโมง ( 5วัน/ 5 ครั้ง)
• บรรยาย โค้ชชิ่ง และกิจกรรม Workshops

รูปแบบการประเมินผล ระยะสั้นและระยะยาว (ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง)

• ประเมินจากการสังเกตระหว่างเข้าร่วมโปรแกรม
• ประเมินจากคะแนน Self-Assessment / HRM & HRD
• ประเมินจากจำนวนปัญหาที่ลดลง
• ประเมินจากผลความสำเร็จของเป้าหมายงาน
• ประเมินจากบรรยากาศในการทำงานของทีม

จุดเด่นของ กิจกรรม “  Action Learning  culture” ที่เราการันตี 100%

ว่าด้วยเรื่อง Action Learning กับการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร

กระบวนการ Action Learning เป็นกระบวนการที่มีจุดแข็งด้วยการใช้ DNA ขององค์กร ไม่ว่าจะเป็น Integrity , Trust Change  และ Leadership Competencies ที่สำคัญการปลูกฝัง DNA เพื่อนำไปสร้างพฤติกรรมการทำงานให้กับพนักงานอย่างได้ผล

จนเกิดผลลัพธ์ในแบบที่องค์กรต้องการ แบบเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน 

องค์ไหนที่มีปัญหาเรื่องการสร้าง DNA ของคนในองค์กร การสร้างวัฒนธรรมในองค์กร ที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้จริง สิ่งเหล่านี้จะหมดไป ถ้าได้เรียนรู้ไปกับกระบวนการ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ แก้ปัญหาเหล่านี้

ว่าด้วย Process ของ Action Learning 

จากการทำงานกับบุคลากรในองค์กร ที่ผมเป็นที่ปรึกษา ตามองค์กรที่ผ่านกระบวนการนี้ สิ่งที่เราจะเห็น ทีมจะเห็น องค์กรจะเห็น คือ 

Collaboration Process to Change

มันเป็นการใช้กระบวนการทางพฤติกรรม ทางการอยู่ร่วมกัน ของทำงานมาใช้ในกระบวนการ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์ ของการพัฒนาทีม หรือ พัฒนาองค์กร ตามที่ต้องการ

Fairness 

การมีส่วนร่วมของทุกคนในทีม ที่ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงการมีความเท่าเทียมกันเป็นอย่างดีในการทำงานร่วมกัน และเกิดการยอมรับ ในการทำงานร่วมกัน 

Practical

ไม่มีการเรียนรู้ใดที่ไม่มีการลงมือทำและไม่มีการลงมือทำใดที่ไม่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ 

มันจึงไม่ใช่แค่กิจกรรม การเล่นเกมส์ เพราะมันไม่ใช่เกมส์ แต่มันละเอียดมากกว่าที่จะคิดว่าเป็นเกมส์ เป็นกระบวนการที่สามารถทำให้ทุกคนในทีมเกิดกระบวนการ คิด และ เกิดการลงมือปฏิบัติ เพื่อเรียนรู้ไปพร้อมกันได้อย่างลงตัว ทั้งในรูปแบบบุคคล ทีม และ องค์กร

Reflection

จุดเด่นอีกจุดหนึ่งในกระบวนการ คือ กระบวนการติดตามผล และ การสะท้อนผลที่เกิดขึ้นจากความคิดในขณะอยู่ในกระบวนการ และ การลงมือปฏิบัติหลังจากจบกระบวนการ เพื่อให้ทีมทุกคนเกิดการสร้างการเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่องและเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริงแบบเห็นผลลัพธ์ ทั้งในเชิงพฤติกรรมส่วนตัว และ พฤติกรรมในการทำงาน ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในองค์กร

Space Safe area

เป็นกระบวนการที่ลดความขัดแย้ง เพิ่มพื้นที่ความปลอดภัยทางด้านจิตใจแบบ รวดเร็ว กว่า กระบวนการอื่น ๆ แบบไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นหัวใจของการแก้ปัญหาและการทำงานเป็นทีม 

กระบวนการ Action Learning จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาและสามารถทำให้ทีมเกิดการเรียนรู้ พร้อมกันทั้งทีม และ สามารถ สร้างวัฒนธรรมองค์กร ไปด้วย ที่ทำให้ทีมมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหา

ทำให้ทีมเข้าใจความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น เห็นปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน และเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อใจ และไว้วางใจกับทีมมากขึ้น นำไปสู่ การสร้างองค์กรจัดการตนเอง แบบยั่งยืนได้

ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นเรื่องอะไรกระบวนการนี้จะช่วยคุณได้ พร้อมเรียนรู้การทำงานไปทีม ด้วยกระบวนการที่ช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องง่าย

จากประสบการณ์การการทำงานด้านวิทยากร และ ที่ปรึกษา ด้านการพัฒนาคนและองค์กร สิ่งที่รับรู้และ โดนคาดหวังมาตลอดแบบสม่ำเสมอ จากหน่วยงานองค์กรและผู้บริหารองค์กร

คือ ความต้องการแบบเบ็ดเสร็จขององค์กร

ในการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ และการพัฒนาคน ของทีมงานทุกคนในองค์กร และคาดหวังเครื่องมือต่าง ๆ ที่สามารถใช้ในการดำเนินการในการพัฒนาบุคลากรในองค์กร

แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือ 

ความต้องการในเชิงผลลัพธ์ที่อยากให้เกิดขึ้น

ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งใน “เชิงพฤติกรรม” ของคนทำงานในองค์กร และ การเปลี่ยนแปลงองค์กรในแบบยั่งยืน

Action Learning  Culture จึงได้รับการตอบรับในเชิงรูปธรรมแบบเห็นผลลัพธ์จับต้องได้ ทั้งพนักงานในองค์กรและทีมผู้บริหารที่เข้าร่วมการเรียนรู้ โดยผ่านการฝึกอบรมและด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในองค์กร

การให้ความสำคัญกับทุกคนที่มีส่วนร่วมในทีม

การแสวงหาจุดร่วม เพื่อสร้างผลลัพธ์จากการร่วมมือปฏิบัติ

ด้วยการให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้ 

เกิดเรียนรู้จากประสบการณ์จริงในการทำงาน

และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีคุณค่าของทุกคนในทีม

กระบวนการ Action Learning เป็นวิธีการแก้ปัญหาและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบการเรียนรู้ร่วมกัน และสามารถทำให้ทีมเกิดการเรียนรู้ พร้อมกันทั้งทีม และ สามารถ สร้างวัฒนธรรมองค์กร ไปด้วย ที่ทำให้ทีมมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหา ทำให้ทีมเข้าใจความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น

เห็นปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน

และเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อใจ และไว้วางใจกับทีมมากขึ้น นำไปสู่ การสร้างองค์กรจัดการตนเอง แบบยั่งยืนได้

เมื่อมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในการสร้างทีมและการบริหารวัฒธรรมองค์กร เราจึงเน้นกระบวนการให้เรียนรู้ร่วมกันแบบทีม

หลายคนอาจกำลังคิดว่า…รอแก้ปัญหาพร้อมกับทีม

จะต้องรับฟังหลายความเห็น และทำให้เสียเวลามากขึ้นกว่าเดิมไหม

ปัญหามาปุ๊บ แก้ไปคนเดียว น่าจะเร็วกว่า

แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าปัญหาที่ถูกแก้ไปแล้วจากเราคนเดียว

ไม่ได้สร้างการเรียนรู้ให้กับทีม สร้างวัฒนธรรมที่ดีงามจากทีม และอาจทำให้เกิดปัญหานั้นซ้ำอีกครั้งก็ได้

Action Learning Culture  กระบวนการที่ทำให้ทีมมีส่วนร่วมเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี และมีความสามารถในการจัดการปัญหาที่ดี

ทำให้ทีมเข้าใจความรู้สึกของกันและกันมากขึ้น

เห็นปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน

และเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อใจ และไว้วางใจกับทีมมากขึ้น

Action Learning Culture จึงเป็นกระบวนการที่มีจุดแข็ง

ด้านการใช้ DNA ขององค์กร และ Leadership Competencies

เพื่อนำไปสร้างพฤติกรรมการทำงานให้กับพนักงานอย่างได้ผล

จนเกิดผลลัพธ์ในแบบที่องค์กรต้องการ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริหารและทีมงานทุกคนในองค์กร Trust the TEAM, Trust the Process.

หลักการและเหตุผล :

การที่องค์กรต่างๆ ได้นำเอาระบบการบริหารจัดการสมัยใหม่เข้ามาใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการบริหารผลงาน (Performance Management System) นั้น ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายองค์กร การกระจายเป้าหมายองค์กรสู่หน่วยงาน การกระจายเป้าหมายไปสู่พนักงานแต่ละตำแหน่งงาน และการเชื่อมโยงถึงระบบการประเมินผลงานประจำปีของพนักงาน ถือเป็นสิ่งที่ดีและมีความสำคัญต่อการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

แต่ถ้าองค์กรต้องการจะให้ระบบการบริหารผลงานประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่บุคลากรในระดับหัวหน้างาน ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมีทักษะในการออกแบบระบบการประเมินผล และ การ ทำแผนเพื่อรองรับ KPIs & KBIs  ดังนั้น หัวหน้างาน และ พนักงาน จำเป็นต้องมีเทคนิคในการ จัดทำแผนปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับ ผลการประเมินการทำงานอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่กันไปด้วย

หลักสูตรนี้จึงนำเทคนิค เคล็ด(ไม่)ลับต่าง ๆ มาเสริมสร้างให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถยกระดับความสัมพันธ์ของหัวหน้างานและพนักงานให้มีมากยิ่งขึ้นด้วย

วัตถุประสงค์ :

1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับระบบการประเมินผล
2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถกำหนดเป้าหมายการทำงานได้ตรงตามเป้าหมายขององค์กร
3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถออกแบบหัวข้อและระบบการประเมินผลงานที่ดีได้
4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีทักษะในการจัดทำแผนปฏิบัติการได้อย่างสร้างสรรค์
5. สามารถนำไปใช้งานได้จริง

ระยะเวลา: 1 วัน( 6 ชั่วโมง พื้นฐาน)

:กรณีต้องการแบบเข้มข้น 2-3 วัน (กรณี ส่งการบ้านเพื่อตรวจสอบแบบ)

กลุ่มเป้าหมาย :

• พนักงาน / หัวหน้างาน / ผู้จัดการ / ผู้บริหาร

หัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และการเรียนรู้ :

ส่วนที่ 1: ความสำคัญของระบบ Performance Management System

• เป้าหมายในการทำงานสัมพันธ์กับเป้าหมายทางธุรกิจขององค์กรอย่างไร
• การกำหนดเป้าหมายด้วย PQCDSS

ส่วนที่ 2 : การวิเคราะห์เป้าหมายงานก่อนทำแผน

• การบริหารเป้าหมายงาน
• การกระจายเป้าหมายงาน
• Turtle Diagram เพื่อการควบคุมงาน

ส่วนที่ 3 : การวิเคราะห์และการจัดทำ Action Plan

• การวิเคราะห์และการจัดทำ Action Plan ด้วย GROWTH Model
• ฝึกปฏิบัติเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมพัฒนาในโปรแกรมนี้บริหารเป้าหมายงานได
• วิเคราะห์ที่มาของปัญหาได้ควบคุมงานได้เขียน Action Plan ได้

ส่วนที่ 4 : ขั้นตอนการนำแผนการปฏิบัติงานไปใช้

• การตรวจแผนปฏิงานด้วยตัวเอง
• การตรวจแผนปฏิงานด้วยทีม
• การดำเนินการหลังการทำแผนปฏิบัติงาน

จุดเด่นของหลักสูตร :

1. เรียนรู้จากการปฏิบัติเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการเรียนรู้และความสนใจของผู้เรียน
2. ใช้กรณีศึกษาจริงขององค์กรเพื่อประโยชน์ในการประยุกต์ใช้หลังการฝึกอบรม
3. เชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตจริงของผู้เรียน เพื่อง่ายต่อการเข้าใจและการจดจำ
4. ใช้การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมกลุ่มเพื่อเสริมสร้างสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน
5. เน้นทั้งวิธีคิด หลักคิด และเครื่องมือสำหรับการประยุกต์ใช้ (Tools) เพื่อความยั่งยืน

กิจกรรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม :

WORKSHOP / ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 : ทำไมต้องทำแผนงานรองรับ

• เราทำแผนงานกันอย่างไร
• แนวทางการทำแผนงานแบบต่าง ๆ

Workshop 2 : Scan คน Scan งาน ก่อนทำแผน

• เข้าใจคน เข้าใจความแตกต่างธรรมชาติ ของคนทำงานในองค์กร
• เทคนิคการ Scan งาน ได้ตรงจริตคนที่ทำงานกับเรา
• เทคนิคการ  Scan คน ได้ตรงตามงานที่ทำ
• เทคนิคการเช็คแผนงานด้วย Turtle Diagram 

Workshop 3 : การลงมือทำแผนปฏิงานด้วย Growth Plan

• Process to Success Action Plan
• เทคนิคการทำ Action Plan ด้วย Growth Plan

Workshop 4 : Action & Doing

•   เทคนิคการตรวจแผนปฏิบัติงาน
•   เคล็ด ( ไม่) ลับ การนำแผนปฏิงานไปใช้งานจริง
•   แผนปฏิงานที่ Success อย่างยั่งยืน

จบการสัมนาQ & A

หลักการและเหตุผล

ในปัญหาอันดับต้น ๆ ขององค์กร คือ ปัญหาด้านการบริหารงานบุคคล หลายองค์กรมักพบประเด็นการดูแลพนักงานใหม่ และ การสอนงาน ในหลายองค์กรไม่เคยมีระบบพี่เลี้ยง (Mentoring) และ ในหลายองค์กรมีระบบพี่เลี้ยง แต่ ไม่ประสบผลสำเร็จในระบบนั้น

ดังนั้น ระบบพี่เลี้ยง (Mentorion) จึงเป็นแนวทางการพัฒนาบุคลากรอีกวิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิผลสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานของทีมงาน โดยผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะมีบทบาทของการเป็นพี่เลี้ยง เพื่อคอยสอนงาน และแนะนำแนวทางการปฏิบัติงานให้บุคลากรในทีมงานให้สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนั้นแล้วยังทำให้เกิดผลการปฏิบัติงานที่ดีขึ้นแล้ว ทำให้ลดการลาออกของพนักงาน และกระตุ้นให้เกิดการทำงานแบบทีมเวิร์คมากขึ้นด้วย อันจะส่งผลให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายได้

หลักสูตรเทคนิคการเป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ จึงเป็นหลักสูตรสำคัญในการเสริมสร้างให้ “ผู้ที่ต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงพนักงาน”  ตระหนักถึงคุณค่าของการเป็นผู้สอนงานด้วยความภาคภูมิใจ เต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ “พี่เลี้ยงสอนงาน ถ่ายทอดงาน และแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตในที่ทำงาน”   และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้สอนงานมืออาชีพได้ อันจะเป็นการสร้างพื้นฐานของระบบการพัฒนาบุคลากรที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่องค์กรต่อไป

วัตถุประสงค์

1. “พี่เลี้ยง”  ที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้สอนงาน ถ่ายทอดงาน และแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตในที่ทำงานให้กับพนักงานใหม่สามารถปรับตัวได้
2. เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีทัศนคติที่ดีต่อการเป็นพี่เลี้ยง สร้างความภาคภูมิใจ และความเต็มใจในการปฏิบัติหน้าที่ “พี่เลี้ยง” 
3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้และฝึกทักษะการเป็นพี่เลี้ยง เพื่อร่วมกันสร้างบรรยากาศสันติสุขในการทำงานให้เกิดขึ้น
4. เพื่อให้ผู้ที่รับบทพี่เลี้ยงมีแนวคิด สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างผลการปฏิบัติงาน และ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเกิดขึ้นแบบยั่งยืน

ระยะเวลา : 1วัน

* และ กรณี ต้องการสร้างระบบพี่เลี้ยงแบบเข้มข้นเรามีโปรแกรมที่ปรึกษาวางระบบ

กลุ่มเป้าหมาย : หัวหน้างาน / ผู้จัดการ / พนักงานที่เป็นพี่เลี้ยง
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม :  20  ท่าน+++

กลยุทธ์ในการฝึกอบรม :    

1. กิจกรรมการเรียนรู้ , บรรยาย 
2. แบบฝึกหัด และ WORK SHOP Role Play
3. Powerpoint
4. อภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

หัวข้อการบรรยาย ฝึกอบรม และการเรียนรู้

ส่วนที่ 1: ความสำคัญของการเป็นพี่เลี้ยง

• หลุมพรางทางความคิดที่มีต่อ “พี่เลี้ยง”
• กระบวนการ ก้าวข้ามหลุมพรางทางความคิด
• คุณค่าของ “พี่เลี้ยง” ในองค์กร บทบาท และ หน้าที่

ส่วนที่ 2 : ประโยชน์ของระบบ “พี่เลี้ยง” ในองค์กร

• การดูแลพนักงานใหม่และเก่า แบบ มีพี่เลี้ยงและไม่มี
• เทคนิคการจัดการระบบพี่เลี้ยง
• ปัญหาทุกเรื่อง “พี่เลี้ยง” ช่วยได้

ส่วนที่ 3 : Mentoring Competency

• คุณสมบัติที่ดีของ “พี่เลี้ยง” มืออาชีพ
• ประสบการณ์ ขององค์กร สร้างพี่เลี้ยงมืออาชีพได้
• การสะท้อนกระบวนการผ่านเรื่องเล่า

ส่วนที่ 4 : Tool set Mentoring 

• เรียนรู้เครื่องมือ ของ “พี่เลี้ยง” มืออาชีพที่จำเป็นต้องรู้
• เทคนิคการเป็น”พี่เลี้ยง”ในองค์กรให้ประสบความสำเร็จ
• แนวทาง แผนการเป็น “พี่เลี้ยง” ในองค์กร อย่างเหมาะสม

กิจกรรรมและ Workshop สำหรับการฝึกอบรม

WORKSHOP ผลที่คาดว่าจะได้รับ

Workshop 1 : Expectation

• วิทยากรอธิบายแนวทางการทำกิจกรรม
• ผู้เข้าอบรมร่วมกิจกรรมและนำเสนอความเข้าใจเรื่อง ทัศนคติ / ความคิด / ความเชื่อ
• ทำความเข้าใจเรื่อง ทำไมต้องมีพี่เลี้ยง
• ได้แนวทางในการนำไปใช้ในการทำงาน

Workshop 2 : สร้างพื้นที่การเปลี่ยน “พี่เลี้ยงมืออาชีพ”

• วิทยากรอธิบายแนวทางการดำเนินการ
• ผู้เข้าอบรมเรียนรู้บทบาท,หน้าที่ของ พี่เลี้ยง
• ทักษะในการเป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ

Workshop 3: เขาวานให้หนูเป็น “พีเลี้ยง”

• วิทยากรอธิบายแนวทางการ เป็น “พี่เลี้ยง”
• ผู้เข้าอบรมฝึกวิเคราะห์ตนเอง ว่า เป็นพี่เลี้ยงมืออาชีพ & มีอาชีพเป็นพี่เลี้ยง
•       ผู้เข้าอบรมได้แนวทางในการเป็น “พี่เลี้ยง” มืออาชีพ

Workshop 4: อาวุธ(ไม่)ลับ ของ “พี่เลี้ยง”

• วิทยากรอธิบายเครื่องมือต่าง ๆ ในการเป็น “พี่เลี้ยง”
• ผู้เข้าอบรมฝึกฝนการใช้เครื่องมือ 
• ผู้เรียนได้แนวทางเพิ่มเติมในการเป็น”พี่เลี้ยง” ที่ดีพร้อมนำไปใช้ได้จริง

จบการสัมมนา ถาม&ตอบ

หลักการและเหตุผล

สำหรับผู้ประกอบการ,เจ้าของธุนกิจที่สนใจเรียนรู้ทางด้านการบริการจัดการและสร้างธุรกิจขนาดย่อมได้ด้วยตนเอง

ท่านสามารถเตรียมความพร้อมในการเป็นเถ้าแก่ได้ และสามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ

โครงการนี้เป็นโครงการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจจากประสบการณ์ทำงานที่ปรึกษามาด้วยการลงไปคลุกคลีกับหน้างานตลอดจนดูแลระบบในการบริหารจัดการต่าง ๆ เราจึงอาสาเป็น พี่เลี้ยง เพียงเพื่อจะช่วยให้ท่านสามารถมองเห็นแนวทางการบริหารจัดการและเปิดธุรกิจหรือดำเนินธุรกิจของตนเองได้ เราอยากที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อก่อให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน การเชื่อมโยงการผลิต การค้ากับวิสาหกิจขนาดใหญ่ อันเป็นการสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับประเทศชาติ และคนในประเทศ ต่อไป 

วัตถุประสงค์ :  

เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้ทางด้านการบริหารจัดการและแนวคิดในการสร้างธุรกิจขนาดย่อม สำหรับผู้สนใจที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระหรือรับจ้างอิสระ และต้องการเริ่มธุรกิจจากพื้นฐานของวิชาชีพนั้น ทายาทธุรกิจที่ต้องขยายธุรกิจเดิม รวมทั้งผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ แต่มีความสนใจและมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ประกอบการหรือเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง และมีความมั่นคงในระยะยาว และมีการจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่องรวมทั้งการหาตลาดในอนาคต

การดำเนินการในโครงการจะเป็นการฝึกอบรม ให้คำปรึกษาแนะนำในการจัดทำธุรกิจ  รวมทั้งมีการให้ความรู้ ที่เหมาะสมกับเจ้าของุรกิจ  เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้ และได้รับแนวทางในการประกอบกิจการหรือการขยายธุรกิจ รวมทั้งสามารถจัดทำแผนธุรกิจได้ 

ธุรกิจของท่านเป็นอย่างนี้บ้างไหม ?

1. รับโทรศัพท์ทั้งวัน จากลูกน้อง / ลูกค้า
2. เป็นเจ้าของกิจการ แต่ทำเองทุกหน้าที่
3. พนักงานไม่รู้หน้าที่ของตัวเอง
4. พนักงานทำงานซ้อนกัน เกี่ยงงานกัน
5. ยิ่งมีลูกค้าเยอะ ลูกน้องเยอะ ยิ่งปวดหัว ไม่รู้จะจัดการยังไง
6. สุขภาพเริ่มย่ำแย่ ไม่มีคุณภาพชีวิต นอนดึก กินข้าวไม่เป็นเวลา
7. มียอดขายสูง แต่หมุนเงินไม่ทัน หนี้เริ่มบานปลาย
8. เป้าหมายไม่มี เป้าหมายไม่ชัดเจน
9. ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร จะเริ่มจากตรงไหนดี?
10. ไม่มีระบบทำงาน อยากจัดการระบบองค์กร อยากมีระบบการทำงานที่ดี

โครงการที่ปรึกษาแบบ “พี่เลี้ยง” จะช่วยให้ท่าน

1. มีการวางแผนการทำงานที่ดียิ่งขึ้น
2. มีการทำงานเป็นระบบ มีแบบแผน โครงสร้างที่ดี
3. ช่วยลดเวลาในการตรวจสอบงาน มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
4. พนักงานเข้าใจบทบาทหน้าที่
5. มีเป้าหมายร่วมกัน มีเป้าหมายชัดเจน
6. สร้างความรัก ความสามัคคี ความเข้าใจให้องค์กร
7. บริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพ
8. องค์กรเข้มแข็ง ธุรกิจเติบโต      

วิทยากรและทีมที่ปรึกษาที่เป็นมากกว่าที่ปรึกษา เรามีประสบการณ์ด้านการบริหาร จะมาให้ความรู้ด้าน อบรมจิตวิทยาองค์กร อบรมจิตวิทยาอุตสาหกรรม อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น

• ทักษะการจัดการองค์กร วิธีบริหารบริษัทให้มีมาตรฐาน วางระบบองค์กรให้มีประสิทธิภาพ startup business plan
•  การวางแผนบริหารองค์กร 
• การบริหารฝ่ายบุคคล วิธีการเป็น HR วิธีคัดเลือกพนักงานเข้าองค์กร วิธีการรับคนเข้าทำงาน วิธีทำ Job Description
• อบรมบริหารจัดการบุคลากรในองค์กร การวางผังองค์กร การบริหารจัดการลูกน้อง/ทีมงาน วิธีวางกลยุทธ์องค์กร สร้างความเข้าใจในองค์กร
• ระบบประเมินคุณภาพบริการ วิธีวัดผลการทำงาน วิธีวัดผลการผลิต KPI วิธีการประเมินผลงานขององค์กร
• วิธีประชุมในองค์กร
• วิธีสร้างค่านิยมองค์กร วิธีสร้างข้อตกลงในองค์กร บริหารจัดการคนในองค์กร วิธีมอบอำนาจให้หัวหน้าในบริษัท

เพื่อองค์กรที่มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จ!

ประโยชน์ที่ได้ต่อองค์กร

1. ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงาน งานมีประสิทธิภาพ มีระบบแบบแผนมากขึ้น มีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน
2. เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นสามารถตรวจสอบได้สะดวก รวดเร็ว ชัดเจน การวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหา/การป้องกันการเกิดซ้ำได้ตรงจุด เนื่องจากมีการบันทึกผลการปฏิบัติ งานที่ถูกต้องไว้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ระบบการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ความผิดพลาดในการทำงานจะค่อย ๆ ลดน้อยลง การทำงานจะเริ่มง่ายขึ้น เนื่องจากทุกคนมีระเบียบวินัย ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากขึ้น 100%
4. เป็นที่ยอมรับต่อลูกค้าภายในและลูกค้าภายนอก เพราะลูกค้ามีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น บริษัทมียอดขายสูงขึ้น กำไรมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท สามารถแบ่งปันผลกำไรที่เกิดขึ้น จากความร่วมมือร่วมใจ ของทุกคนในองค์กร สร้างความรักความผูกพันของพนักงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
5. ระบบงานมีการปรับปรุงคุณภาพอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็มีผลมาจากทุกคนมีส่วนร่วม เมื่อทุกคนมีส่วนร่วมระบบ งานบริการคุณภาพ ก็จะมุ่งเดินหน้าต่อไปในทางที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่จบสิ้น
6. มีระบบการจัดการเอกสารและมิติในด้านต่าง ๆ ดีขึ้น การบริหารองค์กรที่มีประสิทธิภาพ สามารถลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนได้
7. บุคลากรมีความใส่ใจต่อการทำงานมากขึ้น เพราะการทำงานจะต้องมีกระบวนการที่สามารถตรวจสอบได้อยู่ตลอดเวลา
8. บุคลากรในองค์กร มีขวัญและกำลังใจในการทำงาน

โครงการนี้หากท่านสนใจรบกวนติดต่อเพื่อขอรายละเอียดหรือสอบถามปรึกษารายละเอียดเบื้องต้นได้