ปฏิเสธไม่ได้แล้วนะครับว่าในการทำงานในองค์กรยุคปัจจุบัน เรามีน้อง ๆหน้าใหม่หรือคลื่นลูกใหม่เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนองค์กรเกิน 60-75% ขององค์กร ซึ่งตัวเลขนี้ส่วนใหญ่ในคนรุ่นใหม่เราเรียก Gen Y & Gen Z และก็เป็น Gen Y & Gen Z อีกน่ะแหละ ที่เหล่าลูกพี่หรือหัวหน้าต่างกล่าวถึงกันอย่างระทึกในวีรกรรมต่าง ๆ มากมาย มีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งดู ๆไปแล้วน่าจะออกอาการอย่างหลังเสียมากกว่า จนในบางครั้ง ทำเอาแทบปวดกบาลกันไปเลยทีเดียว……
จริง ๆ แล้วสำหรับผมแล้ว น้องๆรุ่นใหม่เหล่านี้แหละที่จะมาทำให้องค์กรของเราก้าวไปสู่สิ่งที่ดีงามมากขึ้นถ้าหากเรารู้จักตัวตนของเขาจริง ๆ…
ดังนั้นเราควรจะมาทำความเข้าใจน้อง ๆและหาวิธีทำงานและอยู่ร่วมกับเด็กเหล่านี้อย่างมีความสุข
1. #หาที่ให้เขายืน เด็กรุ่นใหม่เหล่านี้ เป็นวัยที่ต้องการสูตรสำเร็จในชีวิตและอยากประสบความสำเร็จนชีวิตมากและเร็วกว่าคนรุ่นอื่น ๆ สิ่งที่เราในฐานะผู้บริหารควรกระทำ หรือทำความเข้าใจ คือ ธรรมชาติในความเป็นเด็กรุ่นใหม่ซึ่งแตกต่างจากคนรุ่นเก่า เราควรพูดคุยและทำความเข้าใจกันตั้งแต่เริ่มรู้จักเขาและเริ่มมีเขาเข้ามาในทีมของเรา เพื่อที่จะได้หาที่ให้เขาได้อย่างเหมาะสม และเพื่อเป็นการหารันเวย์ให้เขาได้แสดงศักยภาพได้อย่างสมบูรณ์
2. #ทำให้เขารู้จัก “เปาปุ้นจิ้น” ต้องทำให้เด็กๆ รู้ว่าองค์กรมีการพิจารณา การเติบโต และสิ่งต่างๆที่เขาเหล่านั้นอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากประสบความสำเร็จ ทุกสิ่งนั้นมาจากผลการปฏิบัติงานจริงทั้งสิ้น ไม่ใช่มาจากเด็กของใคร ความชัดเจนและความยุติธรรมที่อาจจะหาได้ยากยิ่งในองค์กร เราต้องสร้างมันขึ้นมา จากระบบระเบียบของเรา ทั้งนี้มันจะเป็นผลดีทั้งต่อเราและองค์กรด้วยเช่นกัน
3. #ปิดตาข้างหนึ่งเสมอ ในบางครั้งเราอาจจะต้องยืดหยุ่นในบางเรื่องที่เด็กๆทำ อาทิเช่น คนรุ่นก่อนอาจจะต้องทำงานในที่ทำงานของตนเอง ในโซนของตนเองเสมอๆ แต่สำหรับเด็กรุ่นนี้เราอาจจะต้องหาที่ทำงานให้เหมาะสมกับเขา อย่าไปยุ่งเรื่องโต๊ะทำงานของเขามากกว่าจะสนใจว่าเขาทำงานจากที่ไหนให้เราว่าไหมครับ
4. #หัดปิดปากตัวเองให้เป็น ในบางครั้งเราอาจจะเคยชินกับการบอก มากๆ จะสอนงานเยอะๆ …แต่สำหรับ Gen นี้ แล้ว การบอกหรือการสอนมากๆมันคือ “การบ่น”…สำหรับเขา ดังนั้น เราจำเป็นต้องหันมาใช้หูให้มากกว่าปากเพื่อที่จะฝึกรับฟังความคิดเห็นของเขาบ้าง ให้เขามีอิสระในการแสดงความคิดของเขาบ้าง
5. #หมั่นเปิดโลกให้สว่างอยู่เสมอ หมั่นเติมความรู้ความผูกพันให้กับพวกเขาอยู่เสมอ “เพราะสิ่งที่เด็กเหล่านี้กลัวมากที่สุดคือการล้าสมัย ไม่แนว ไม่ฮิพ มันจะทำให้เราได้เรียนรู้ตัวเองในเรื่องใหม่ๆไปพร้อมน้องๆเสมอ” และยังเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีๆแก่กัน เพราะเด็กเหล่านี้ไม่ชอบลำดับขั้น ชนชั้น แต่คำว่าเพื่อน พี่ น้อง มันลึกซึ้งมากกว่าระบบหัวหน้างานกับลูกน้องเสียอีก
6. #สอนเด็กให้รู้จักการบริการ…สิ่งหนึ่งที่เรามักจะปวดกบาลมากๆคือความไร้มารยาทหรือกาละเทศะ ดังนั้น เราควรจะปลูกฝังให้น้องๆของเรารับรู้ว่านอกจากตัวเองแล้วคนทุกคนในที่ทำงานเราถือว่าเป็นลูกค้าทั้งหมด โดยลูกพี่ต้องทำให้ดูว่ามันเป็นเรื่องปรกติในองค์กร ที่จะดูแลกันและกัน แต่อย่าลืมว่า น้องๆของเรานั้นเขาไม่ใช่ไม่มีกาละเทศะนะครับ สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นสำหรับเขาแล้ว มันคือความจริงใจ ตรงๆ ใจๆ ลูกพี่อย่างเราต้องรู้จักสื่อสาร และเข้าใจในสิ่งที่เราอยากให้เป็นไปตามบริบทขององค์กร และต้องเข้าใจในบริบทของน้องๆด้วยเช่นกัน…
7. #ประตูใจเปิดทุกครั้ง…ผู้บริหารหรือหัวหน้าและผู้ใหญ่หลายๆคนในองค์กรมักจะมีคำฮิตติดปากว่า “ประตูห้องพี่เปิดเสมอมีอะไรมาคุยกันได้นะ แต่พอเด็กๆไปพูดคุยด้วยสิ่งที่เด็กๆได้รับและสัมผัสได้คือ ประตูใจของพี่นั้นไม่เคยเปิดเลย” ต้องทำให้เด็กๆรับรู้ว่าเราสามารถเข้าถึงได้ง่ายในการที่เขามีปัญหาและสามารถอำนวยความสะดวกโยธินในการทำงานและการแก้ปัญหาด้วยได้ตลอด อย่าลืมนะว่า เมื่อก่อนตอนคุณเป็นเขา คุณเองก็ต้องการใครสักคนที่จะมาช่วยแบ่งเบาปัญหาทางความคิดที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในงาน ไม่ต่างกัน น้องๆของคุณก็เช่นกัน
8. #เวลา คือ สิ่งสำคัญสอนให้เขารู้ว่า ในการทำงานและการใช้ชีวิต อะไรคือสิ่งทีมีประโยนช์และอะไรคือสิ่งที่ไม่มีประโยนช์ อะไรสมควรทำและไม่ควรทำ เพราะชีวิตของเด็กเหล่านี้พึ่งเริ่มต้นในชีวิตการทำงาน การที่จะให้พวกเขาคิดได้เองเลยนั้นอาจจะต้องใช้เวลา เพราะในโลกของสถาบันการศึกษาที่พวกเขาเหล่านั้นจากมานั้นอาจจะมีคนคอยกระตุ้น ชี้แนวทาง อย่างอาจารย์ที่ปรึกษา แต่โลกของการทำงานนั้นไม่มี ไม่มีใครมาคอยกระตุ้น หรือชี้แนวทางได้เหมือนเมื่อก่อน จงทำให้เขารู้จักคุณค่าของเวลา
9. #เปลี่ยนดาวเคราะห์ให้เป็นดาวฤกษ์ ที่สุกสว่าง เมื่อเขามีโอกาสเรียนรู้และมีความอดทนในการเรียนนรู้จนมีความสามารถ ที่มากพอและเหมาะสมกับการเจริญเติบโตต่อไป เราควรจะส่งเสริมเขาให้สุดมือของเรา เพราะหน้าที่เราคือการสร้างและส่งเสริมให้เขาเติบโตและ งอกงาม เพื่อเป็นดาวที่สุกสว่างในองค์กรต่อไปเพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้ไปส่องสว่างยังดาวเคราะ์ดวงอื่นๆต่อไป เพียงแค่นี้ เราก็จะทำงานอย่างเข้าใจและมีความสุขกับน้องๆรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัวแล้วครับ
เรียนรู้เพื่อเติบโตครับ
ครูอ๊อฟ