วิสัยทัศน์ของผู้นำสู่เป้าหมายเดียวกันของทุกคน
ด้วยวิสัยทัศน์อันยาวไกลและความใจกว้างของผู้นำ ที่ต้องการให้ทุกคนได้เติบโต ผ่านกระบวนการเรียนรู้และลงมือทำจริงด้วยตัวเอง
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
42k Project ได้ถูกริเริ่มขึ้นโดยพี่แดง- CEO ผู้บริหารของที่นี่ โดยผมได้รับการเชิญเป็นที่ปรึกษา ด้วย เพราะ ได้คลุกคลีกับน้อง ๆ บริษัทนี้มาหลายปีในฐานะ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาบุคลากร
จึงได้ชวนน้อง ๆ ทุก site งาน มาร่วมกิจกรรมวิ่งมาราธอน (แน่นอน ระยะที่ทุกคนในโปรเจคจะไปด้วยกันคือ 42 km.)
โดยเป็นproject ภาคสมัครใจ และมีวันปิดโครงการชัดเจน คือวันวิ่งมาราธอนที่งาน Super Sports Laguna Phuket Marathon 2020 จ.ภูเก็ตในวันที่ 14 มิถุนายน 63 นั่นหมายความว่าเราจะมีระยะเวลาฝึกซ้อมกันประมาณ 6 เดือน
แต่ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่ จึงทำให้มีการเลื่อนกำหนดออกไปเป็น 6 ธ.ค. 63
ระยะเวลาเลื่อน เป้าหมายไม่เลื่อน
หลายคนที่ยังไม่พร้อม…ก็มีเวลาเพิ่มขึ้นในการฝึกซ้อม
หลายคนที่ร่างกายยังไม่ฟิต…ก็มีเวลาเพิ่มขึ้นในการฟิตร่างกาย
หลายคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย…ก็เริ่มจากเดินเร็วและวิ่งได้ในที่สุด
“ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน
แต่เป้าหมายไม่เคยเปลี่ยน คือ 42.195k เหมือนเดิม
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าอะไรจะไม่แน่นอน
แต่เราก็มาจนใกล้ถึงวันลงสนาม
ไม่ว่าจะพร้อมมาก พร้อมน้อย ไม่พร้อมเลย
แต่บททดสอบ อีก 7 วันข้างหน้า
ก็รอเราอยู่ รอให้เราทดสอบ ”
ณ จุด Start เราจะเจอกันที่นั่น
ยิ้มให้ กำลังใจ และเชื่อว่าเราทุกคนจะผ่านมันไปได้
ใจ…ที่เคย “หลับไหล” จะถูกปลุกขึ้นมาให้ฮึกเหิมอีกครั้ง
ใจ…ที่เคย “กลัว” ว่าจะไม่ไหว จะถูกสลัดทิ้งไป
ใจ…ที่บอกตัวเองว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะผ่านมันไปให้ได้….เราทำได้!!!!
เมื่อเสียงแตรดัง…!!!!
ก็ถึงเวลาที่ก้าวแรกของเรา….เริ่มออกเดินทาง
แล้วพบกันที่เส้นชัย
วันนี้มีเรื่องมาเล่า เรื่องการ สร้างวัฒนธรรมองค์กร โดยวิธี Learning by Running กับองค์กรที่ผมร่วมงานด้วย น่าเป็นองค์กรเดียวในประเทศไทย ที่ พาพนักงาน ไปวิ่งมาราธอนในครั้งเดียวเยอะที่สุด และ ประสบความสำเร็จในหลายมิติ ผมจึง เอาสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมา เล่าสู่กันฟัง เรื่องการพัฒนาคนในองค์กร
ภารกิจ Mission 42 K Project กับพี่น้องชาว ศแบง บริษัท ที่ผมร่วมงานด้วย เป็น Project ที่ร่วมกิจกรรมกันยาวนานมากครับ ครบ 1 ปีพอดี Project นี้เป็นแนวความคิดของผู้บริหาร องค์กรที่อยากให้น้อง ๆ ทีมงานได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ผ่านการวิ่ง มาราธอน ซึ่งหลายท่านอาจจะคิดว่า มันจะได้ผลเหรอ ใครจะยอมไปวิ่ง
Project นี้ มีน้อง ๆ ในบริษัท ให้ความสนใจมากมาย เพราะ ผู้บริหาร ดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างหมดให้ด้วย
งานที่เราเลือก คือ ลากูน่า ภูเก็ต มาราธอน สนามปราบเซียน 1 สนาม ในบรรดานักวิ่งด้วยกันจะรู้ว่า มันเป็นสนามที่ที เนินเยอะมาก ๆ และบางช่วงเป็นควน บางช่วงเนินซึมยาว ๆ ตลอดเส้นทาง 42.195 กิโลเมตร
ตามกำหนดการเดิมเราจะจบ Project นี้ที่เดือน มิถุนายน 63 น้อง ๆ ทุกคนขยันซ้อมและส่งการบ้านมาก พอเจอ COVID เข้าไปอาจจะมีสะดุดบ้าง งานวิ่งจึงเลื่อนมาปลายปี พอหลัง COVID ทุกคนจึงกลับมาซ้อมอีก
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะให้เห็นผลของกิจกรรมนี้ในมุมที่ไม่ใช่วิ่ง คือ ระหว่างทางของ Project ได้ทีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง
เนื่องจาก บริษัท ศแบง เป็นบริษัทออกแบบก่อสร้างและบริหารโรงไฟฟ้าชีวมวลแบบครบวงจรโดยนําเชื้อเพลิงหรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรต่างๆ รวมถึงขยะอุตสาหกรรม อาทิ เศษไม้ เศษพลาสติก ขยะชุมชน มาเป็นเชื้อเพลิง
เรามีไซส์งานตามจังหวัดต่าง ๆ หลายที่ พอเริ่มมีกิจกรรมนี้ ภาพที่เราเห็นอย่างแรก คือ ทุกไซส์ที่มีน้อง ๆ ร่วมกิจกรรม (เราไม่ได้บังคับให้ร่วมนะครับ ให้ใช้ความสมัครใจเป็นหลัก) คือ
ทีมผู้บริหารในโรงไฟฟ้าตามภูมิภาคต่าง ๆ ของหน่วยงานเรา จะชวนน้อง ๆ มาซ้อมตามตารางวิ่งในแต่ละวันด้วยกัน และถ้าผู้บริหารระดับบน ไปตรวจงาน ท่านจะร่วมกิจกรรมซ้อมวิ่งกับน้อง ๆ ตอนเย็นหลังเลิกงานทุกครั้ง ภาพนี้มันมาทดแทน การใช้เวลาว่างหลังเลิกงานในการดื่มสังสรรค์ปาร์ตี้
การสื่อสาร พูดคุย มีมากขึ้น เพราะต้องคุยเรื่องเดียวกัน มีการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเกิดขึ้น
การจัดสรรเวลาทำงานมีมากขึ้น เพราะต้องมีเวลาซ้อมตามเวลาวิ่งที่ถูกกำหนดในแต่ละวันด้วย
นี่เป็นเพียงตัวอย่าง ในเชิงพฤติกรรมที่ดี ที่เกิดขึ้นเป็นวัฒนธรรมที่ดี ยังไม่นับ ตัวอย่างทางความคิด ที่ดีที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งเย็นนี้เราจะมีการ ล้อมวงนั้งคุยเพื่อ Dialogue กันเรื่อง มาราธอนนี้สอนอะไรเรา ?
Project ปิดแล้ว แต่ ชีวิตใหม่ พึ่งเริ่มต้น
ถอดบทเรียน
ปัจจัยของความสำเร็จ ใน 42K project Marathon
Visioning ของผู้บริหาร ครับ อันนี้สำคัญมาก ผู้บริหาร มีมุมมองในการ อยากให้ พนักงาน เกิดการเรียนรู้ แบบ Learning by Running มีวิสัยทัศน์และมุมมอง ในการดูแลความสุขพนักงาน และเชื่อว่า พนักงานทุกคนสามารถเติบโตและพัฒนาได้
เกิด Good Communication อันนี้ตอบตรง ๆว่ามันเป็นเรื่องพื้นฐานอันดับต้น ๆ ที่องค์กรและ บุคลากรในองค์กรทุกตำแหน่งงานทำให้มันเกิดขึ้น มีการสื่อสารในเรื่องเดียวกันแบบไม่มีความขัดแย้ง เกิดการแบ่งปันทางความคิด จากเรื่องเดียวกัน คือ วิ่ง นำพาไปสู่ เรื่องการทำงานแบบไม่รู้ตัว มันเริ่มลดช่องหว่างระหว่างความไม่เข้าใจกันได้แบบเนียน ๆ
เกิด.Relationships ข้อนี้เป็นพื้นฐานต่อยอดจากข้อที่แล้ว ทีมเริ่มสร้างการสื่อสารที่ดี สื่อสารเป็น เข้าใจในสื่อสาร มันก็จะเริ่มสร้างระบบความสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานในองค์กรขึ้นมา ซึ่งเจ้าระบบความสัมพันธ์นี้แหละที่จะลดช่องว่างความขัดแย้งของตัวบุคคลและต่อองค์กรได้อย่างเหมาะสม กว่าจะรู้ตัวว่า เราพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่สนิท วันนั้น จนวันนี้ เราก็สนิทใจกันไปเสียแล้ว
เกิด Support Learning ขึ้น คือ เกิดกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะในการวิ่งระหว่างกัน ทุกคนค่อย ๆ ซึมซับ มันไปอย่างไม่รู้ตัว
เกิด Appreciation ข้อนี้หมายถึงความรู้สึกที่ดีต่อสิ่งที่ทำ เวลาจะเกิดความขัดแย้งขึ้นมาในการทำงาน พอทุกคน คิดถึงกิจกรรมวิ่ง ความขัดแย้งนั้นได้ลดลงทันที เพราะ การสื่อสาร ที่ดีและ ระบบความสัมพันธ์ที่ดี มันได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว คนเราเวลาทำงานลึก ๆ ในใจก็อยากได้ความภาคภูมิใจในงานที่ทำ มันเป็นผลงานนะผมว่า ที่จะทำให้เราสามารถก้าวต่อไปได้ในหน้าที่การทำงานของเรา ทุกคนก็อยากที่จะมีส่วนร่วมในผลความสำเร็จขององค์กรด้วยกันทั้งสิ้น เรื่องวิ่ง ก็เช่นเดียวกัน
Pay Integrity คนเราทำงานก็ต้องได้รับผลตอบแทนใช่ไหมครับ ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้รับในกิจกรรมนี้ คือ ผู้บริหารรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรม อย่างเป็นธรรม โดยพนักงาน จ่ายคืน ด้วยความตั้งใจ ด้วยหัวใจของตัวเองที่จะปฏิบัติภารกิจนี้ให้สิ้นสุด ถือว่าเป็นการใช้ใจแลกใจ
มีการ Motivation ตลอดเวลา คนทำงานสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องอะไรรู้ไหมครับ มันคือเรื่องของ “ใจ” ถ้าคนทำงานมีใจในการทำงานอะไร ๆ ที่ว่ายากก็จักสำเร็จได้ด้วยดี แต่ถ้าอะไรที่หมดใจ ต่อให้เรื่องนั้นง่ายแต่ไหนมันก็จักเป็นเรื่องที่ทำยากไปในทันที ทีมทุกคน มีการช่วยกันหมั่นตรวจสอบดูแลจิตใจของทีมอยู่เสมอ ๆ นะครับผม เวลาใครท้อ ก็จะให้กำลังใจกันตลอดเวลา จนวินาทีสุดท้าย ของการแข่งขัน
ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Project นี้ และตื้นตันใจกับทุกคน และ ประทับใจ ทุกคน ชื่นชมทุกคน และ เคารพใจของทุกคนด้วยหัวใจ สนามนี้มีความทรงจำ
…กว่าจะรู้ตัวว่า ว่าเราจบมาราธอน มาราธอน ก็ได้เปลี่ยนชีวิตเราไปเสียแล้ว…
ขอบคุณ พี่แดง&คุณต้อม ผู้บริหาร ที่ให้เกียรติและดูแลเป็นอย่างดี ตลอดที่รู้จักกันมา 10 ปี
น้อง ๆ พี่ ๆ บริษัท ศแบง ทุกคน ที่เป็นเหมือนครอบครัวไปแล้วที่ ร่วมกันเรียนรู้ใน Project นี้ทุกคน
ครูดิน Sathavorn Din Chanpongsri ที่ให้เกียรติมาสอนน้อง ๆ ทุกคน ใน ศแบง และ โดยส่วนตัว ขอบพระคุณครู ที่คอยตรวจการบ้านและให้ผมและให้กำลังใจเวลาผมซ้อม ตลอด ตารางซ้อม จาก #Din330marathonproject ดีมาก ๆ ครับ รักครูด้วยหัวใจครับ
ขอบคุณทีมกายภาพของพี่ชงโค ที่มาให้คำแนะนำการดูแลร่างกายและกล้ามเนื้ออย่างถูกวิธีครับ
ปล.น้อง ๆ ที่เข้าร่วม มาราธอนส่วนใหญ่เป็น มาราธอนแรกครับ เราวิ่งกัน 34 คน และ จบ 31 คน
เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากมากความ
ง่าย คือ งาม