จั่วหัวแบบนี้ใช่ว่าจะมาชวนหาเรื่องในทางไม่ดีนะครับ แต่ ถ้าเราอยู่ในฐานะที่เป็นผู้บริหารหรือหัวหน้างาน มีเรื่องที่เราสามารถทำๆด้เพื่อลดช่องว่างในการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นได้
•
ถ้าเราต้องสื่อสารและ Feedback น้อง ๆ ในคาถาของเราอยู่แล้วด้วย แนะนำให้ลองใช้เวลาประมาณ 15-25 นาทีต่อสัปดาห์ กับคำถามต่อไปนี้ดู (ค่อยๆ ทะยอยถามทีละข้อสองข้อ เชือกจังหวะและโอกาสในการถาม เพราะมันเป็นศิลปอย่างหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อใจให้น้อง ๆ ของเรา อย่าถามรวดเดียวหมดทั้ง 8 คำถาม)
1. สบายดีไหม ?
•
คำถามง่าย ๆ ครับ ที่เราพลพรรคหัวหน้าทักหลงลืมใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ การสอบถามสารทุกข์สุกดิบด้วย จะทำให้ทราบเรื่องราวบางอย่างของน้อง ๆ เราเพิ่มขึ้น มากกว่า แต่ได้เห็นว่าเขาทำงานร่วมกันกับเราเพียงอย่างเดียว ชีวิตน้อง ๆ คงไม่ได้อยากแค่คุยเรื่องงานอย่างเดียวหรอกครับ ลองถามคำถามแลายเปิดอาทิ “เป็นอย่างไรบ้างช่วงนี้” หรือ “มีอะไรที่ต้องการให้พี่ช่วยไหมช่วงนี้” จะช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันและส่งเสริมให้ทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
2.มีเรื่องราวดี ๆ อะไรบ้างช่วงนี้ไหมที่พี่ตกข่าวไป ?
•
– การเชื้อเชิญให้สื่อสารเชิงบวก จะช่วยให้ Step ของการสื่อสารและความสัมพันธ์ง่ายขึ้น ซึ่งในบางครั้งเรื่องราวเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องงาน เพียงแค่ถูกหวย 2 ตัว ก็เป็นเรื่องราวที่น่ายินดี มันเป็นการฝึกชื่นชมและขัดเกลาจิตใจของเราด้วย การพูดถึงเรื่องราวเชิงบวกและข่าวดี จะช่วยให้มีกำลังใจในการทำงานแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็ตาม
3. มีเรื่องอะไรกังวลใจไหมช่วงนี้ ?
•
ถามเรื่องดีๆ ไปแล้ว ลองถามเรื่องที่กวนใจเป็นปัญหา เป็นอุปสรรคดูบ้าง ถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยแต่ไม่ละลาบละล้วง นะครับ หากเป็นปัญหาที่พอช่วยได้ ก็เสนอความช่วยเหลือไป ถ้าช่วยไม่ได้ อย่างน้อยก็รับฟังและแสดงความเห็นอกเห็นใจ ฝึกเป็นพื้นที่รับฟังน้อง ๆ ของเราดูบ้างครับ
4.ช่วงนี้กำลังสนใจเรื่องอะไร ?
•
เป็นฟีลชวนคุยเพลิน ๆ ครับ แต่มันจะทำให้เราทราบว่าเด็ก ๆ ของเรากำลังสนใจเรื่องอะไรอยู่ และ กำลังทุ่มเทสมาธิไปกับเรื่องอะไร และ ลองฝึกทำความเข้าใจในเจตนาของน้อง ๆ ด้วยนะครับว่า เพราะอะไรเขาถึงสนใจเรื่องนี้อยู่
5. ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างไรช่วงนี้
•
บ่อยครั้งที่การทำงานกับคนหมู่มากเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน หัวหน้าสามารถช่วยเชื่อมโยงให้พนักงานมีความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ดีขึ้น นอกจากจะช่วยเพิ่มความสุขและประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ยังได้ใจลูกน้องอีกด้วย และ ถ้าเราสังเกตุคำตอบดี ๆ เราอาจจะได้ยินบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจ ที่ทำให้เราสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ในทีมงานให้ดียิ่งขึ้นได้
6. วางแผนชีวิตการทำงานของตนเองไว้ยังไงบ้าง
•
บางทีการสนับสนุนให้น้อง ๆ ได้เติบโตก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็เป็นความสุขใจอย่างหนึ่งของคนเป็นหัวหน้า และ ส่วนใหญ่ น้อง ๆ ไม่ค่อยกล้าที่จะแจ้งหรือสื่อสารกับเราเรื่องนี้หรอกครับ เราจะได้ยินอีกที ก็ มีหัวหน้าแผนกอื่น หรือคนแผนกอื่น มาเล่าให้เราฟัง แล้วทำไมเราต้องรอให้ได้ยินจากคนอื่นล่ะครับ หากหัวหน้าเริ่มต้นชักชวนให้มีการพูดคุย จะทำให้รู้ว่าลูกน้องต้องการอะไร จะได้หาทางจูงใจให้ตรงกับความต้องการของเขาได้
7. มีคอร์สเรียนหรืองานสัมนาอะไรที่สนใจบ้างไหม •
ในโลกยุคใหม่ โอกาสในการเข้าถึงความรู้มีมาก การพูดคุยเรื่องนี้ระหว่างพูดคุยกันจะช่วยเน้นย้ำให้พนักงานไม่ลืมว่าตัวเขาเองต้องพัฒนาและเติบโตด้วยเช่นกัน ถ้าอยากสนับสนุนก็นาทีนี้แหละครับใช่เลย ไม่ต้องรอ Hr. มาทำหน้าที่แทนเรา
8.อยาก Feedback อะไรพี่บ้างไหม ?
การขอ Feedback จากลูกน้องเป็นระยะๆ เป็นสิ่งที่หัวหน้าควรทำ เพราะนอกจากจะได้ข้อมูลเพื่อการพัฒนาปรับปรุงตนเองแล้ว ยังทำให้ลูกน้องรู้สึกชื่นชมและศรัทธาในความเป็นคนเปิดกว้างของหัวหน้าด้วยเช่นกัน วัฒนธรรมของการ Feedback ในสังคมการทำงานแบบไทย ๆ ยังน้อยมากครับ ถ้าทำได้ จะส่งผลดีต่อผู้ให้และผู้รับอย่างแน่นอน เพราะ Feedback is a Gift ครับ
การหาเวลาพูดคุยกับลูกน้องเป็นระยะๆ เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่สำคัญของหัวหน้า คำว่า “ไม่มีเวลา” เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เมื่อนัดหมายกันได้แล้ว ก็ค่อยๆ ทะยอยถามคำถามเหล่านี้ดู เชื่อผมว่าความสัมพันธ์และผลงานของทีมจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ ใช้แล้วได้ผลอย่างไร ลองมาแบ่งปันกันนะครับ
ติดต่องานฝึกอบรมและบริการให้คำปรึกษาได้ที่
• Facebook: ครูอ๊อฟ วิทยากรนอกกรอบ
• Tel: 084-099-9163
• LINE ID: teampositive
• Website: https://korkandee.com/
• Strategic Performance Management
•Points of You® Practitioner
•Certified Action Learning Coach
#ครูอ๊อฟ#วิทยากรที่ปรึกษา#วัฒนธรมองค์กร#ActionLearningCoach#WIAL
#พัฒนาคนและองค์กร#ActionLearning
#พัฒนาหัวหน้างานอย่างเป็นระบบ#CALC